** กระทรวงการคลัง...ตั้งเป้ารีดภาษีเพิ่ม หวังเพิ่มสัดส่วนการจัดเก็บรายได้ภาษีต่อ GDP จาก 12-13% ให้เป็น 18% ผ่านการปฏิรูปภาษี และรีดเงินจากทุกหน่วยงานไม่ใช่แค่ 3 กรมภาษี แต่ยังมีรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมปรับตัว…เดอะบั๊ด...ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง คงวางแผนให้งานปฏิรูปภาษีในครั้งนี้ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง สร้างชื่อก่อนเกษียณอายุ และตอนนี้ก็ได้เริ่มงานไปบางส่วนแล้ว เช่น การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) จากต่างประเทศ และจากสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท และการกำหนดราคาปริมาณการปล่อยคาร์บอนของสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวมทั้งยังมีแนวคิดจากกระทรวงการคลัง ที่จะเก็บภาษีความเค็มและภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่มีรายได้ขั้นต่ำ 1.5 ล้านบาท ต่อปีด้วย…แต่การรีดเงินจากการขึ้นภาษีอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 18% ได้เพราะต้องดูปัจจัยอื่นด้วย โดยเฉพาะโครงสร้างภาษีที่มีรูรั่ว ทำให้ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเก็บได้น้อยลงเรื่อยๆ...ตัวอย่างที่ชัดเจนคือภาษียาสูบ...ที่แวดวงการเงิน..อยากทวนความจำคุณลวรณว่า ครม.สั่งให้กระทรวงการคลัง ไปศึกษาแนวทางการปรับภาษีเป็นแบบอัตราเดียว เพื่อความยั่งยืนในการจัดเก็บรายได้ระยะยาว ตั้งแต่ปี 2564 และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน!...ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสูญเสียเกิดขึ้นกับภาษีสรรพสามิตยาสูบ จากที่เคยจัดเก็บได้กว่า 6 หมื่นล้านบาท กลับเหลือเป้าหมายแค่ 4.9 หมื่นล้านในปีนี้ แต่ตัวเลขคนสูบบุหรี่ซิกาแรตกลับเพิ่มขึ้น สวนทางการเพิ่มขึ้นของภาษีบุหรี่ ชัดเจนว่าภาษีหลายอัตราไม่เวิร์ค...คุณลวรณ รวมถึง คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแลกรมสรรพสามิต...ก็ยังไม่คิดทำอะไรสักที ปล่อยให้รายได้จากภาษีบุหรี่และยาสูบหายไปนับหมื่นล้านบาท ถามจริงท่านไม่เสียดายรายได้ที่หายไปเลยเหรอครับ…หนึ่งในสี่เป้าหมายของการจัดทำแผนปฏิรูปภาษีที่ได้ประกาศออกมาคือ การส่งเสริมความเป็นธรรม และมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ รวมทั้งสนับสนุนโครงข่ายรองรับทางสังคมและสุขภาพ ซึ่งก็สอดรับกับการใช้ภาษีอัตราเดียวกับสินค้าบุหรี่...เกือบทั้งโลกใช้โครงสร้างภาษียาสูบแบบอัตราเดียว เรียบง่ายและเป็นสากล ถ้าอยาก “มูฟออน” และมีรายได้มีผลงานก็ต้องกล้าแตะโครงสร้าง แต่ถ้ายังยอมล้าหลังเป็นเพียง 1 ใน 7 ประเทศที่ยังอยู่กับโครงสร้างภาษีที่ไม่สร้างรายได้แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะเก็บภาษีสรรพสามิตได้ตามเป้าซักที งานนี้ต้องติดตามดูฝีมืออย่างใกล้ชิด...**

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**