ก็น่าเห็นใจอยู่นะสำหรับ...คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...ที่ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าชุด”ทีมไทยแลนด์”...ไปเจรจากับสหรัฐฯเรื่องภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯจขะเรียกเก็บจากสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ 36 %...ซึ่งก็ต้องบอกว่างานนี้คุณพิชัยนั้นแบกความหวังของผู้ส่งออกและผู้ผลิตไทยไว้ไม่น้อย...ในเมื่อการเจรจาครั้งแรกพูดไม่ผิดว่า "เรากลับมามือเปล่า"...ขณะที่ก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวัน(ก่อนที่ทีมไทยแลนด์จะได้หารือกับสหรัฐฯ)...ประเทศเวียดนามก็สามารถปิดดีลได้เรียบร้อย...โดยจะโดยเวียดนามจะถูกสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีสินค้าที่ผลิตจากเวียดนามจริงๆ 20 %...และสินค้าที่ต่างชาติเข้าไปผลิตที่เวียดนามแล้วส่งออกไปสหรัฐฯที่ 40 %...!! ในการนี้จะโทษคุณพิชัย และ ทีมไทยแลนด์...ทั้งหมดไม่ได้...เวียดนามเขาเริ่มกระบวนการพูดคุยกับสหรัฐมามากกว่า 3 เดือน...ส่วนไทยนั้นดูเหมือนรัฐบาลจะไม่มีสมาธิกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ หรือไม่ก็อาจจะไว้ใจกับ "ทีมล็อบบี้ยิสต์" ที่รัฐบาลเสียเงินจ้างไปเกือบร้อยล้านบาท....มากเกินไป...หวังว่าจะช่วยไทยได้บ้าง...แต่สุดท้ายผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ...!! ตัวเลขสุดท้ายที่ไทยจะโดนตั้งมาลุ้นหลังเลยเส้นตาย 9 ก.ค.ว่ายังอยู่ที่ 36 % อยู่หรือไม่....!! ยังยังไม่จบแค่นี้ ไทยอาจจะโดนเพิ่มเติมจากกรณีที่ไทยนั้นมีใจฝักใฝ่”กลุ่มBRICS”....ถ้าโดนซ้ำจากกรณีนี้บอกได้เลยว่าส่งออกไทยนั้น”ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”....ซึ่งก็ต้องไม่ลืมว่าภาคส่งออกนั้นมีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด(50-60%)ของเศรษฐกิจไทย....แวดวงการเงิน...จึงไม่แปลกใจที่ คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์... อาจจะต้องทบทวนตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2568  จากเดิมที่ให้กรอบไว้ที่ 1.3-2.3% ค่ากลาง 1.8% ....เลขาอธิบายว่า...ขณะนี้เวียดนามบรรลุการเจรจาถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20 % เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการประเมินจีดีพีใหม่ และต้องรอดูประเทศอื่นๆ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่สำคัญไทยเองจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าใด ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ 10-36% ....เขาย้ำว่าสมมติฐานในการคำนวณจีดีพี มีหลากหลายมาก และมีความเป็นไปได้หลากหลายเช่นกัน จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ...แต่ที่แน่ๆเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ปัจจัยเสี่ยงหลักอยู่ที่การส่งออก...**

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์ **