หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความคงมั่นภายในของจีนเดินทางไปพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา ปลายเดือนมิถุนายน เพื่อประสานงานไตรภาคี จีน พม่า ไทย ปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ตามชายแดนไทยและในพม่ารอบใหม่

เขียนเรื่องจีนยกปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์วาระแห่งชาติ ไว้ตั้งแต่ต้นปี วันนี้นำเรื่องนี้มาให้เห็นว่าจีนจริงจังอย่างไร

จีนยกประเด็นปัญหา Tele Scam หรือ การฉ้อโกงออนไลน์ ขึ้นมาหารือในที่ประชุมใหญ่สองสภาประจำปี เป็นการส่งสัญญาณว่า จีนแผ่นดินใหญ่ยกระดับการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ หรือที่รู้กันทั่วไปในนามคอลเซ็นเตอร์

ที่ประชุม “สองสภา” (Two Sessions) ซึ่งเป็นการประชุมประจำปี ของสภานิติบัญญัติสูงสุด และคณะกรรมการที่ปรึกษาทางการเมืองสูงสุดของจีน มีสมาชิกทุกระดับมากกว่า 3,000 คนเข้าร่วมประชุม ในมหาศาลาประชาชน ตั้งแต่วันที่ 4 ถึง 12 มีนาคม ซึ่งการประชุมสองสภานี้จะเป็นเวทีสำคัญ ที่ผู้กำหนดนโยบาย จะได้รับฟังเสียงของประชาชนจีน ขณะเดียวกันก็จะมีการหารือกันเกี่ยวกับลำดับความสำคัญในการพัฒนาประเทศจีน

หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ รายงานจากกรุงปักกิ่งว่า ปี 2025 จีนมีวาระปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมอย่างเข้มข้น ในขณะที่คดีฉ้อโกงออนไลน์พุ่งสูงขึ้น 26.7% เปรียบเทียบกับปี 2024

การฉ้อโกงทางเทเลคอมมูนิเคชั่น มีประมาณ 40,000 คดี มีผู้ต้องหา 8,200 คนที่การดำเนินคดีถึงที่สุดในปี 2024

ซึ่งมีรายงานเป็นทางการแจ้งว่า ศาลสูงสุดตัดสินคดีฉ้อโกงทางเทเลคมนาคม ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มีนาคม รายงานของอัยการสูงสุดเปิดเผยในวันเดียวกัน ซึ่งอัยการเน้นให้ความสำคัญ
คดีที่ศาลตัดสินเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ว่า เกี่ยวข้องกับจีน 39 คน ผู้เป็นตัวการของขบวนการอาชญากรร้ายแรงที่สุด

คดีร้ายแรงที่ว่านี้ถูกนำขึ้นพิจารณาในศาล มณฑลเจียงซู ทางตะวันออก ซึ่งจำเลยทั้งหมดเกี่ยวพันกับอาชญากรตระกูล หมิง ผู้มีข้อครหาว่าปกครองเขตโกก้างในพม่า ที่ตระกูลพัฒนาเมือง (เล่าก์ก่าย) และใช้กองทัพควบคุมบริหารกิจการผิดกฎหมายหลายกรรมหลายวาระ

อัยการฟ้องว่า จำเลยนำเข้าแก๊งอาชญากร เพื่อการหลอกลวงออนไลน์ โดยใช้เมือง (เล่าก์ก่าย) เป็นศูนย์กลางก่ออาชญากรรม ในเมืองที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของพวกเขา กิจกรรมผิดกฎหมายรวมทั้ง กักขังคนจีนที่ถูกหลอกไปทำงาน การค้ามนุษย์ในศูนย์กลางอาชญากรรมแห่งนี้ และบังคับให้เหยื่อทำงานหลอกลวงออนไลน์

รายงานกล่าวว่า #ตระกูลหมิงสมคบกับคนเหล่านี้ ก่ออาชญากรรม เช่นฆาตกรรมโดยเจตนา ทำร้ายร่างกาย และกักขังหน่วงเหนี่ยวผิดกฎหมายเป็นเหตุให้คนจีนตายเป็นจำนวนมาก

สื่อท้องถิ่นให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ ที่รัฐบาลจีนสามารถกำจัดอาชญากรรม กำจัดตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังไซเบอร์สแกมเมอร์ ที่กระทำอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนต่อคนที่ถูกหลอกไปทำงาน

รายงานของอัยการ และศาลสูงสุด ได้เปิดเผยในที่ประชุมสภานิติบัญญัติสูงสุด และสภาที่ปรึกษาสูงสุด ซึ่งรู้กันว่า เป็นวาระสอง ในระหว่างการประชุม คณะผู้แทนได้เรียกร้องให้เข้มงวดตรวจสอบ การใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) ซึ่งมีข้อครหาว่า ถูกนำมาใช้ในการหลอกลวงออนไลน์

นายไล ชุน หนึ่งในสมาชิกสภาประชาชนจีน และเป็น CEO กิจการเทคโนโลยี Xiaomi กล่าวว่า อาชญากรใช้เทคโนโลยีการสลับหน้า และเปลี่ยนเสียงได้นำไปใช้ในทางที่ผิด เป็นการเสี่ยงธรรมาภิบาลการควบคุมสังคม

นายไล ได้กล่าวถึงประสบการณ์ตรง ที่ชาวเนตปลอมเป็นตัวเขาในปี 2024 ที่ภาพและเสียงของเขาใช้กิริยาวาจาหยาบคาย ในวีดีโอสั้นซึ่งกลายเป็นไวรัล จนเขาต้องโพสต์ข้อความบน
โซเชียลมีเดียส่วนตัว ว่า วีดีโอชิ้นนั้นทำให้ผมเครียดมากและขอร้องชาวเนตให้หยุดการกระทำนั้นเสีย

สื่อต่างประเทศรายงานว่าวันที่ 7 มีนาคม นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนนอกห้องประชุมว่า เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายได้ตัดสินใจปฏิบัติการ “กำจัดมะเร็งร้ายที่มาในรูปหลอกลวงทางโทรคมนาคม”

“จีนทำงานร่วมกับประเทศไทย พม่า และสปป.ลาว ปราบปราม สแกมเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย พม่า ที่มีรายงานว่า คนจีนถูกหลอกไปขาย และช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นออกมาได้บางส่วน” นายหวังกล่าวและเสริมว่า ศูนย์กลางไซเบอร์สแกม ทางเหนือพม่าซึ่งติดกับตะวันออกเฉียงใต้ของจีนในมณฑลยูนนาน ถูกกวาดล้างบดขยี้อย่างราบคาบไปแล้ว

: เชื่อว่านายหวัง หมายถึง ศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติในเมืองเล่าก์ก่าย ที่ทางการจีนสนับสนุนทั้งกำลังคนและอาวุธ แก่กองกำลังผสมพันธมิตรประชาธิปไตยพม่า ประกอบด้วย
โกก้าง ตะอ่าง และกองทัพอาระกัน ใช้ชื่อปฏิบัติการ 2017 ทำสงครามกับโกก้างฝ่ายแนวร่วมพม่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ก่อนจะยึดเมืองเล่าก์ก่ายได้ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่หัวหน้า
ตระกูลหมิง ยิงตัวตาย ครอบครัวหมิง ที่เหลือและสมุนบริวารรวม 39 คน ถูกนำตัวไปดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ถูกศาลสูงสุดตัดสินวันที่ 8 มีนาคม ประธานศาลสูงสุดไม่ได้แจ้งในที่ประชุมว่า ศาลตัดสินลงโทษสถานใด แต่เชื่อว่าประหารชีวิตเหมือนฆาตกรรมร้ายแรงส่วนใหญ่ : (ผู้เขียน)

นายหวัง กล่าวด้วยว่า ในปี 2025 จีนร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทางด้านความมั่นคงให้เข้มข้นมากขึ้นโดย เฉพาะประเทศที่มีส่วนเกี่ยวพันกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และให้ความช่วยเหลือทางกงสุลและคำปรึกษาตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน เขากล่าวสรุป

คำพูดของนายหวังที่ว่า ผู้บังคับใช้กฎหมายตัดสินใจ “กำจัดมะเร็งเนื้อร้ายมาในรูปหลอกลวงทางเทเลคอมมูนิเคชั่น” และกล่าวว่า จีนพร้อมให้ความร่วมมือกงสุลและให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมงต่อประเทศต่างๆ บ่งบอกถึงความจริงจังในกำจัดมะเร็งร้ายในรูปไซเบอร์สแกมเมอร์

ตระกูลหมิง ทางภาคเหนือรัฐฉานถูกขยี้แหลกลาญไปแล้วส่วนทางตะวันออกของพม่าใกล้ชายแดนไทย ตัวการใหญ่เจ้าของศูนย์คอลเซ็นเตอร์ชเวโกะโก และ KK.Park ในเขตเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง คงไม่ใช่เฉพาะนายเฉอ จื้อเจียง เพียงคนเดียวนายเฉอ เป็นคนจีน ถือสัญชาติกัมพูชา ถูกจับในกรุงเทพฯในปี 2565 ตามหมายจับตำรวจสากลจากคำร้องของจีน ปัจจุบัน
ถูกขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรม กำลังต่อสู้ทางกฎหมาย ไม่ยอมให้ประเทศไทยส่งตัวไปดำเนินคดีที่จีนแผ่นดินใหญ่ ที่นายเฉอ กลัวจะพบชะตากรรมเดียวกันกับตระกูลหมิง

ส่วน พลตรีหม่องชิตตู ผบ.กองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ KNA หรือ ผบ.กะเหรี่ยงพุทธ DKBA และ กองกำลังป้องกันชายแดนหรือ BGF แล้วแต่เขาจะเลือกว่า วันไหนเขาอยากเป็น ผบ.กองกำลังอะไร แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ หม่องชิตตู เป็นหัวหน้ากองกำลังกะเหรี่ยงชั่วร้าย ที่ให้ความคุ้มครององค์กรมะเร็งร้าย และเขาอยู่ในบัญชีดำของจีน

ประเมินจากการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติสูงสุด และคณะกรรมการที่ปรึกษาทางการเมืองสูงสุดของจีนและการแถลงข่าวของนายหวัง อนุมานได้ว่า หม่องชิตตู จะพบกับชะตากรรมเดียวกันกับตัวการใหญ่ในตระกูลหมิง

หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ ของสิงคโปร์ รายงานล่าสุดแจ้งด้วยว่า ศาลสูงสุดของจีนเร่งหาข้อยุติ คดีโจมตีร้ายแรงสองคดีในปี 2024 หนึ่งคือ คดีเกิดขึ้นในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง นายฟ่าน ไหวกุ่ย อายุ 62 ปี มีอาการเครียดจากการหย่าร้าง ขับรถอเนกประสงค์ลุยลู่วิ่งออกกำลังกายในสนามกีฬา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ทำให้คนตาย 35 คน และบาดเจ็บ 45 คน

คดีที่ 2 นายหวู เชี่ยจิน วัย 21 ปี ใช้อาวุธมีดไล่แทงคนโรงเรียนอาชีวะ ในเมืองอู๋ซี เมื่อเดือนธันวาคม สังหารผู้เคราะห์ร้ายไป 8 คน และบาดเจ็บ 17 คน ทั้งสองคนถูกประหารชีวิต
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025

ประธานศาลสูงสุด ซาง ชุน กล่าวระหว่างรายงานที่ประชุมสองสภาในมหาศาลาประชาชนว่า “สำหรับผู้ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ท้าทายกฎหมาย และขอบเขตศีลธรรม เราต้องลงโทษเฉียบขาดรวดเร็วรุนแรงตามกฎหมาย”

ปี 2024 มี อาชญากรรมร้ายแรง 49,000 คดี รวมทั้งฆ่าคนโดยเจตนา ผู้เกี่ยวข้อง 58,000 คน ถูกปิดคดี ข้อมูลเชิงประจักษ์บอกว่า คดีร้ายแรงลง 5.8% จากปี 2023 และคดีดังกล่าวลดลง 28.7% เมื่อเทียบกับสิบปีที่แล้ว ประธานศาลสูงสุดสรุปรายงานต่อที่ประชุม

ประเมินจากการแถลงข่าว และรายงานของฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ต่อที่ประชุมใหญ่ของสภานิติบัญญัติสูงสุด และสภากรรมการที่ปรึกษาสูงสุด บ่งชี้ว่า ปี 2025 จีนยกระดับปราบปรามสแกมทางไซเบอร์และอาชญากรรมร้ายแรงเป็นวาระแห่งชาติ

ราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยแก่อาชญากรรมข้ามชาติในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านว่า อาจหนีไม่พ้นตาข่ายแห่งกรรมที่ได้กระทำต่อมนุษย์ชาติ

สุทิน วรรณบวร