**เมื่อ “ส้มเข่งใหญ่”ตกใส่หลังคาบ้าน คุณอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี...ก็ควรจะใช้โอกาสนี้ให้ดีๆ...ซึ่งวาระแรก ก็ต้องปรบมือให้ที่ประกาศรายชื่อรัฐมนตรีที่คุมกระทวงเศรษฐกิจ 2 ราย ที่ทำให้สังคมยิ้มออก...ทั้ง คุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี(ด้านเศรษฐกิจ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...และ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์...ส่วนกระทรวงที่เหลือ เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)...ก็ล้วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยทั้งสิ้น...!! ต้องมาดูว่าจะช่วยกันขับเคลื่อนได้มากน้อยแค่ไหน แต่ด้วยเวลาเพียงแค่ 4-8 เดือนที่อยู่ในอำนาจ “ครม.หนู”คงจะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่รออยู่เพียบ...โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของชาวบ้าน...ซึ่งเรื่องมาตรการทางการคลังที่จะงัดมาใช้ เชื่อว่า...กระทรวงการคลัง...ทำได้ไหลลื่นและรวดเร็ว...เพราะตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถทำงานได้ทันที...ไม่ต้องเรียนรู้งานอะไรใหม่เลย...แต่ก็อย่างที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยนั้นมันมีปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างหนัก...อย่าว่าแค่ 4-8 เดือนเลย ต่อให้หนึ่งสมัย(4 ปีเต็ม)...ก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้หมด...แต่ๆๆๆ “ครม.หนู”ก็มิควรจะใช้เรื่องเวลาน้อยมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่เริ่มคิดเริ่มทำเรื่องการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย...อย่างน้อยก็วางหลักวางนโยบายเอาไว้ได้...ว่าจะเริ่มนับหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างไร...และในสภาพทางการเมืองของไทยแบบนี้...ครม.หนู...มีโอกาสสูงมากที่จะได้กลับเข้ามาบริหารประเทศอีกครั้งหลังเลือกตั้งในปี 2569 ต่อให้ 4-8 เดือนนี้ทำผลงานได้ต่ำกว่า “KPI” ก็เถอะ เพราะปีนี้ไทยเจอฝากหนักยาวๆ...พอ “ฝนตกขี้หมูก็ไหล”และบ่อที่เหมาะจะมารวมกันในตอนนี้ก็พรรคของเสี่ยหนูเขานี่แหล่ะ...!! อ้อ...เกือบลืม...แม้ว่าสังคมจะเข้าใจว่าอย่างไรเสีย “ครม.หนู”ก็ต้องเอาภาษีมาเทเงินใส่ระบบ...แต่ก็ไม่ควรที่จะละเลยข้อเป็นห่วงของ...ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)...ในประเด็นเรื่องเสถียรภาพทางการคลัง...เพราะอาจจะนำไปสู่การที่ประเทศถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ...ซึ่งถ้าประเทศดูลดเครดิต...ปัญหาอื่นจะตามมาอีกเยอะเลยฯครับท่านนายกฯ...**

**อนันตเดช พงษ์พันธุ์**