ไม่ว่าจะยอมรับ หรือไม่ยอมรับ จะเรียกว่า ระลอกใหม่ หรือเป็นแค่ คลัสเตอร์ การแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศไทยครั้งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นการแพร่ระบาดใหญ่ครั้งที่ 3 แล้ว
ครั้งแรก ซึ่งผมอยากเรียกให้เห็นภาพตามความเป็นจริงว่า ระลอกแรก เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2563 (2 เดือน หลังจากพบผู้ป่วยยืนยันรายแรกในประเทศไทยซึ่งเป็นหญิงจีนที่เดินทางมากับกลุ่มทัวร์จากนครอู่ฮั่น)
การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกแรกนี้มาจากสนามมวยเวทีลุมพินี พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 คนต่อวัน
ระลอกที่ 2 เกิดขึ้นที่ตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 และที่จังหวัดระยองซึ่งเชื่อมโยงกับบ่อนการพนันในตัวเมืองระยอง ระลอกนี้ มีผู้ป่วยใหม่มากกว่า 1,300 คน เฉพาะวันที่ 20 ธันวาคม มีผู้ป่วยใหม่ถึง 576 คน ซึ่งนับเป็นยอดผู้ป่วยรายวันสูงสุดนับแต่มีการบันทึก
ระลอกที่ 3 เดือนเมษายน 2564 เป็นการระบาดใหม่จากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ - เอกมัยกรุงเทพมหานคร มีคนในคณะรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และศิลปินดาราหลายคนเป็นกลุ่มเสี่ยงและขอกักตัว ระลอกนี้มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าตกใจ จากวันละหลัก 100 เป็น 200, 300 และ 405 คนในวันนี้ แพทย์หลายท่านพูดตรงกันว่าระลอกนี้ควบคุมยาก และอาจได้เห็นตัวเลขผู้ป่วยหลัก 1,000 คนต่อวันในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากผู้ติดเชื้อเป็นบุคคลสำคัญ มีชื่อเสียง และไม่เปิดเผยไทม์ไลน์
เมื่อต้นปีที่แล้ว (มีนาคม 2563) หลังการระบาดระลอกแรกไม่นาน รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาลระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสี่ ห้ามขายอาหารที่มีการนั่งรับประทานในร้าน บุคลากรทางการแพทย์รณรงค์ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และไม่ไปในพื้นที่เสี่ยง ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดอย่างได้ผล แต่กระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น คือความเดือดร้อนของคนจำนวนหนึ่งซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ผมยังจำภาพชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ยืนมองรถที่วิ่งผ่านไปมาหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวของตนอยู่คนเดียวอย่างเงียบ ๆ ภายหลังรัฐบาลยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว และอนุญาตให้มีการนั่งรับประทานอาหารในร้านได้
ก่อนการระบาดของโควิดระลอกแรก ร้านนี้ก็ไม่ต่างกับร้านอื่น ๆ อีกหลายร้าน ที่เคยขายดิบขายดี ลูกค้าต้องรอคิว แต่เมื่อมาเจอมาตรการป้องกันโควิด แม้จะมีการผ่อนคลายในภายหลัง แต่อารมณ์ของผู้บริโภค ของลูกค้า ก็ยังไม่กลับคืนมา
ร้านยังเป็นร้านเดิม คนขายยังเป็นคนเดิม และรสชาติก็ยังเหมือนเดิม แต่อารมณ์ผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้บริโภคมีความระมัดระวังมากขึ้น หวาดระแวงมากขึ้น แม้ทั้งที่ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับเซียนมวยและสนามมวยลุมพินีเลย
วันนี้ ภายหลังการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ที่มีต้นตอสำคัญมาจากสถานบริการและสถานบันเทิงแถวทองหล่อ-เอกมัย ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข ก็มีมติปิดสถานบริการและสถานบันเทิง 41 จังหวัด อย่างน้อย 14 วัน และมีมาตรการให้สถานบันเทิง ผับ บาร์ รวมทั้งร้านอาหารในพื้นที่สีแดง 5 จังหวัด อันได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ นครปฐม เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. และงดจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยจะเสนอ ศบค. ชุดเล็ก พรุ่งนี้ (9 เมษายน 2564)
มติดังกล่าวข้างต้นดูเผิน ๆ แล้ว ถูกต้อง เหมาะสมทุกประการ แต่หากพิจารณากันด้วยเหตุด้วยผล ถึงที่มาที่ไป และต้นตอของการระบาดระลอกที่ 3 แล้ว มติดังกล่าว มีข้อที่สามารถโต้แย้งได้หลายประการ
ประการแรก ผับ บาร์ สถานบริการ สถานบันเทิง ที่เปิดเกินเวลา ที่ละเมิดกฎระเบียบการควบคุมโรค ไม่เว้นระยะห่าง ปล่อยให้มีการเต้น การโชว์ มีการสัมผัสเนื้อหนังมังสา และเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดระลอกนี้ คือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ต้องถูกกำจัด ถูกถอนใบอนุญาตประกอบการ และดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาสถานหนักโดยทันที
ประการที่สอง ผับ บาร์ สถานบริการ สถานบันเทิง อื่น ๆ ที่เขาเคารพกฎหมาย ให้บริการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดื่มกินอย่างผู้ดี ไม่มีลามกอนาจาร เหตุใดเขาถึงต้องพลอยโดนลงโทษไปด้วย พนักงาน ลูกจ้าง ผู้จัดหาวัตถุดิบ หรือ supplier ของเขา ตลอดรวมถึงครอบครัวของพวกเขา ทำไมจึงต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ประการที่สาม ร้านอาหาร ที่ให้บริการตามปกติ เว้นระยะห่าง มีมาตรการป้องกันตามที่ทางสาธารณสุขกำหนด เหตุใดจึงต้องกลายเป็นจำเลยร่วมไปกับสถานบริการกลุ่มแรกที่กระทำความผิดกฎหมายด้วย โควิดไม่เคยแพร่กระจายมาจากร้านของเขา ทำไมต้องลดเวลาการขายของเขา ทำไมต้องห้ามเขาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเดือดร้อนที่พวกเขาได้รับจากสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ก่อ คือมติที่เป็นธรรมแล้วหรือ
ประการสุดท้าย ผับ บาร์ สถานบริการ และ สถานบันเทิง ที่กระทำผิดกฎหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดโควิดระลอกที่ 3 ไม่สามารถทำผิดกฎหมายได้ ถ้าไม่มีผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง นี่คือต้นตอสำคัญของปัญหาทั้งปวง ถ้าไม่แก้ที่ต้นตอปัญหานี้ มติต่าง ๆ ที่เสนอ ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ควรเสนอมตินี้เป็นข้อแรกผ่าน ศคบ. ชุดเล็ก ไปให้ ผอ.ศบค. คือ พลเอก ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรีลงนาม
ยิ่งถ้ามีรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไปติดโควิดมาจากสถานบริการเหล่านี้ ก็ยิ่งต้องรีบชงเรื่องให้แก้เป็นการด่วน
อย่าให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะ บาปที่เขาไม่ได้ก่อเลย
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี