นั่งคิดอยู่นานว่าจะเขียนเกี่ยวกับการเมืองการเลือกตั้ง แต่เพราะนั่งคิดนาน เลยตัดสินใจไม่เขียน เพราะเขียนไปก็เท่านั้น
ที่น่าเขียนกว่าการเมืองการเลือกตั้งมีเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอาชีพนักการเมืองที่ไม่มีวิชาชีพอะไรรองรับ เรื่องนักการเมืองทั้งที่เป็นฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เคยสนใจสังคยานากฎหมายเก่าที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม และไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของยุคสมัย มากไปกว่าสนใจออกกฏหมายใหม่มาเอื้อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง เรื่องการเมืองภาคประชาชนที่ปัจจุบันมีหลายกลุ่มหลายพวก ทั้งที่ร่วมมือกันและต่อสู้กัน ทั้งที่เปิดเผยและกึ่งเปิดเผย ฯลฯ
วันก่อน มีคนแชร์คลิปทนายความท่านหนึ่งออกมาเล่าถึงการต่อภาษีรถยนต์นั่งประจำปีของตนว่าสามารถต่อได้ ทั้งที่ยังมีใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจรที่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับค้างอยู่หลายใบ ทำให้ผมหวนกลับไปคิดถึงอดีตที่ภาพความทรงจำเกี่ยวกับตำรวจจราจรหลายภาพผุดขึ้นมาในห้วงคิดคำนึง
ย้อนกลับไปสัก 50 ปีที่แล้ว บ้านผมอยู่ในสวน เวลาเช้าเดินออกจากบ้านผ่านร่องสวนมาขึ้นรถเมล์ที่ปากซอยถนนใหญ่ ซี่งก็คือ ถนนตากสิน ที่เวลานั้นมีเพียง 2 เลน รถวิ่งสวนไปมา
ทุกเช้าจะมีตำรวจจราจรหนึ่งนายยืนกลางถนน คอยโบกมือให้รถหยุดเพื่อให้ประชาชนเดินข้ามถนน บางครั้งก็มาช่วยจูงเด็กหรือคนชราให้ข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย ทั้งที่วันนั้นในอดีต ถนนแคบ รถน้อย และใช้ความเร็วต่ำ
บริเวณสี่แยกที่มีรถมาก ถนนใหญ่ขึ้นอีกหน่อย จะเห็นตำรวจจราจรยืนบนแท่นไม้เตี้ย ๆ คอยโบกมือให้รถทางนี้ไป ยกมือกั้นให้รถทางนั้นหยุด ในชั่วโมงเร่งด่วนที่การใช้สัญญาณมือมีประสิทธิภาพกว่าการปล่อยให้ไฟจราจรทำงานเองโดยอัตโนมัติ
นี่คือน้ำใจ และคือจิตใจของตำรวจจราจรในอดีตที่ทุ่มเททำงานในหน้าที่รับใช้ประชาชน ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจว่า ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะมีกล่องของขวัญใหญ่บ้างเล็กบ้างที่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านเส้นทางเหล่านั้นนำมามอบตอบแทนความดีของตำรวจจราจรกองเต็มถนนตามสี่แยกใหญ่ และแยกเล็กต่าง ๆ เต็มไปหมด
30, 40, 50 ปีผ่านไป ภาพเหล่านี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว การทำงานของคนพัฒนาไปตามเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าขึ้น พร้อมกับจิตใจที่ถดถอยและเสื่อมลง
ตำรวจจราจร ไม่ว่าจะเป็นตำรวจทางหลวงหรือทางไหน ล้วนใช้เทคโนโลยีทำงานแทนตน ไฟเขียวไฟแดงที่ตั้งอัตโนมัติไว้ตามทางแยก จะสอดคล้องกับสภาพการจราจรที่เป็นจริงหรือไม่ ไม่สนใจ
รถคันไหนจะขับแซงซ้ายป่ายขวา ตัดหน้ากะทันหัน มอเตอร์ไซด์คันไหนไฟท้ายดับ อันอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ไม่สนใจ
รถสิบล้อหรือรถพ่วงจะวิ่งเลนขวา จะขับเร็วแข่งกับรถยนต์นั่ง ไม่สนใจ เพราะเส้นมันใหญ่ แบคมันดี
ส่วนเมาแล้วขับ ขับรถควันดำ ขับรถขนของผิดกฎหมายนั้น สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง ขึ้นกับกระแสสังคมและคำสั่งที่ได้รับมา
แต่ที่สนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะละเว้นไม่ได้ คือ รถคันไหนขับเร็วเกินอัตราที่ตนกำหนดไว้ ต้องจับมันมาเรียกค่าปรับให้หมด มันไม่จ่ายก็ต้องไปขอความร่วมมือกรมการขนส่งทางบกอย่าให้มันต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ทั้งยังกุลีกุจอออกระเบียบใหม่มาหักคะแนนมัน มายึดใบขับขี่มัน
ทำราวกับว่า คนขับรถเร็วเกินอัตรากำหนดของตนเป็นอาชญากร ก่ออาชญากรรมร้ายแรง
เอาเงินงบประมาณแผ่นดินมาติดตั้งกล้องจับความเร็วรถไว้ตามถนนถี่ยิบเกินความจำเป็น ถนนบางช่วง ติดกล้องจับความเร็วรถไว้ถึง 3-4 จุด แต่ละจุดห่างกันไม่ถึง 200-300 เมตรก็มี
ถนนบางสาย ของบางท้องที่ กลัวกล้องที่ติดตั้งไว้ทำงานพลาด หรือส่งใบสั่งไปที่บ้านแล้วไม่มีใครมาจ่ายค่าปรับ อุตส่าห์ลงทุนเอารถหลวงไปซุ่มตั้งกล้องจับความเร็วไว้ข้างทาง แล้วส่งต่อภาพจากกล้องไปเข้ามือถือเพื่อนตำรวจที่ตั้งด่านเรียกค่าปรับไว้ข้างหน้า
ผมเคยประสบเหตุการณ์นี้ บนทางหลวงสายหนึ่ง วันนั้นมีรถถูกดักจับหลายสิบคัน ภาพที่เห็นคือ
ประชาชนบางส่วนแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาขับรถมาดี ๆ เคารพช่องทางการจราจร ไม่แซงซ้ายป่ายขวา ขับช้ากว่าพวกบิ๊กไบค์เสียอีก เพียงแต่เกินกำหนดไป 5 กิโลเมตรบ้าง 10 กิโลเมตรบ้าง
ประชาชนบางส่วนไม่พอใจ แต่ไม่แสดงออกอย่างกลุ่มแรก
ที่น่าสะเทือนใจคือ เจ้าของรถที่ถูกจับ 2-3 ราย สภาพรถและการแต่งกายดูออกว่าเป็นชาวไร่ชาวนาระดับรากหญ้าที่ไม่สามารถมีปากมีเสียงอะไร ต่างโทรศัพท์กลับไปหาญาติ ให้ช่วยนำเงิน 500 บาทมาเสียค่าปรับให้ด้วย
500 บาทอาจไม่มีความหมายสำหรับคนจับกุม แต่มันอาจหมายถึงอาหารอีกหลายมื้อหลายวันของคนในครอบครัวคนยากคนจนที่ถูกจับ
พอถึงคิวที่ผมต้องไปจ่ายค่าปรับ ผมบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คุณมองดูสิ คนเหล่านี้ที่คุณไปตั้งกล้องตั้งด่านจับเขามา ล้วนเป็นสุจริตชน คนทำมาหากินทั้งนั้น เขาไม่ใช่อาชญากร เขาขับตามสภาพการจราจรบนท้องถนนขณะนั้น ซึ่งมันอาจเกินกำหนดที่พวกคุณตั้งไว้บ้าง แต่มันไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่มีรถคันไหนชนคนหรือชนกันเอง คุณน่าจะขอบใจเขาด้วยซ้ำที่ช่วยระบายการจราจรไม่ให้คับคั่ง พวกคุณไม่มีภารกิจอื่นที่สำคัญกว่านี้ทำแล้วหรือ ?
ตำรวจตอบผมว่า เขาก็เหมือนหนังหน้าไฟ ต้องทำตามคำสั่งหัวหน้า !
เขียนถึงตอนนี้แล้ว ผมก็นึกถึงวิสัยทัศน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ว่า
“เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”
ผมอยากรู้เหมือนกันว่า การเอางบประมาณแผ่นดินมาติดตั้งกล้องจับความเร็วรถบนท้องถนนถี่ยิบจนเกินความจำเป็นก็ดี หรือแม้แต่การติดป้ายกำหนดความเร็วที่ไม่สมเหตุสมผลก็ดี เช่น บนทางหลวงที่ไม่ใช่ชุมชน ถนนกว้าง และแทบไม่มีรถวิ่งผ่าน แต่ตั้งกล้อง ติดป้ายบังคับไว้ไม่ให้เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ประชาชนจะเชื่อมั่นศรัทธาได้อย่างไร ?
ที่สำคัญ สามารถทำได้ไหม ? เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไหม ?
ว่าจะถามพี่ศรีก็เกรงใจ เพราะแกยังวุ่น ๆ อยู่กับการร้องเรียนหลายเรื่อง
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี