เรื่องเสี่ยแป้ง นาโหนด ถ้ามีการทำประชามติถามประชาชนว่าเชื่อคำพูดของเสี่ยแป้งที่ออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลและความอยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมที่กระทำต่อเขาหรือไม่ ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เชื่อคำพูดของเสี่ยแป้ง !
แม้เสี่ยแป้งจะเป็นนักโทษหนีการควบคุมตัว และแม้เสี่ยแป้งจะยังมีคดีอาญาร้ายแรงที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีอีกกว่าสิบคดี !
ทำไมจึงเชื่อเช่นนั้น ?
ไม่ใช่เพียงเพราะพฤติกรรมการทุจริตคอรัปชั่นและกดขี่ข่มเหงประชาชนในพื้นที่พัทลุงอันเป็นบ้านเกิดของเสี่ยแป้งและพื้นที่ใกล้เคียงที่ยังเหลือเชื้อมาจนเป็นตำนานอันโด่งดังของการ “ถีบลงเขา เผาลงถังแดง” ในช่วงทศวรรษ 2510 เท่านั้น
การร่วมมือกันประพฤติชั่วระหว่างเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นทางยันไปจนถึงปลายทาง แม้จำนวนหนึ่งยากจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ยืนยันให้เห็นพฤติกรรมในทุกขั้นตอน แต่ในความเป็นจริง และในชีวิตจริงของใครหลายคน คงเคยประสบกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
สมัยผมยังหนุ่มแน่น เริ่มเข้าทำงานในฝ่ายบริหารงานบุคคลของบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงในลำดับต้น ๆ ของโลกแห่งหนึ่ง ประสบการณ์แรกที่ผมสัมผัสได้ในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองก็คือ คำบอกเล่าและคำสั่งที่ถ่ายทอดลงมาจากเบื้องบนว่า บริษัทเราจะแพ้คดีที่พิพาทกับพนักงานไม่ได้ และเท่าที่ผมได้รับการบอกเล่า บริษัทก็ยังไม่เคยแพ้แม้คดีเดียวเลยจริง ๆ !
เป็นไปได้อย่างไร ? แต่มันก็เป็นไปแล้ว !
ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา มีบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ 7 ฝ่าย คือ
1. ประชาชน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งโจทก์หรือจำเลย 2. เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นพนักงานจับกุมและสอบสวน 3. พนักงานอัยการ 4. ทนายความ 5. เจ้าหน้าที่ศาล หรือจ่าศาล 6. คณะผู้พิพากษา และ 7. กรมราชทัณฑ์ และผู้คุม
ใน 7 ฝ่ายนี้ ลองถามใจดูว่า ท่านเชื่อมั่นใครบ้าง และไม่เชื่อมั่นใครบ้าง ?
11 ปีที่ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจโรงพักทองหล่อตายในปี 2555 ซึ่งตามมาด้วยการตกแต่งเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานอยู่ 4 ปี กว่าจะส่งฟ้อง และปล่อยให้นายบอสหนีไปในปีที่ 5 ต่อมามีการรื้อคดี มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แต่นายบอสก็ยังคงอยู่สุขสบายในต่างแดนตราบจนทุกวันนี้ ยังตามจับกลับมาดำเนินคดีไม่ได้
7 ปีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กรณีรับเงินบริจาคจากอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผ่านไปหลายเดือนพระธัมมชโยยังไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา จนกระทั่งศาลอาญาออกหมายจับ เป็นเหตุให้พระธัมมชโยจาริกล่องหนหายตัวไปจนถึงทุกวันนี้
ไม่ต้องพูดถึงกรณี “เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา”
ไม่ต้องพูดถึงกรณีรับส่วย ช่วยเหลือกำนันนก
และไม่ต้องพูดถึง เทวดาชั้น 14
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำปืนลั่นในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณี “ตั๋วผู้กำกับ” หรือ “ตั๋วเพื่อไทย” ที่นายเศรษฐา “มั่นใจว่ามีผู้ผิดหวัง มากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง”
เช่นนี้แล้ว กระบวนการยุติธรรมไทย ยังจะมีเครดิตอะไรเหลืออยู่อีกเล่า ?
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี