หลายคนกำลังหัวเราะข่าวที่ว่าอเมริกาคิดจะสร้างระบบรถไฟความเร็วสูง โดยเทียบกับจีนที่มีรถไฟความเร็วสูงเพียบ แหม..อย่าว่าแต่พญามังกรเลยประเทศแถบเอเซียต่างตื่นตัวจะสร้างรถไฟความเร็วสูงทั้งนั้นแต่ระบบการคมนาคมในอเมริกาแตกต่างจากบ้านเราเพราะอเมริกาพัฒนาระบบถนนกับการคมนาคมทางอากาศมากกว่าระบบราง
อเมริกายังอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองเดือนธันวาคมทั้งเดือน ก็พอกับเดือนเมษายนบ้านเรานี่แหละ คิดแต่เรื่องไปกินไปเที่ยวบ้างหรือวางแผนกลับไปเยี่ยมเพื่อนฝูงญาติมิตรรัฐอื่น ที่ต้องขับรถหรือไม่ก็บินไปร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสส่วนการเดินทางทางรถไฟไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะถึงที่หมายช้าแถมราคาก็ไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่นัก
ช่วงโควิด 19 ระบาด คนอเมริกันบางส่วนเปลี่ยนความคิดหันมาเดินทางด้วยรถส่วนตัวมากขึ้นแทนการบิน เพราะยังกลัวโรคระบาดเลยอยากเล่าสู่กันฟังเรื่องถนนสายแรกในอเมริกาให้อ่านเพลินๆดีกว่าปวดหัวกับสถานการณ์การเมืองอเมริกา
ถนนสายที่ 66 คือถนนสายแรกในอเมริกา เริ่มจากฝั่งตรงข้าม Art institute of Chicago มุมถนนแจ็คสันตัดกับถนนมิชิแกนในเมืองชิคาโกแล้วลากยาวไปจนสุดเขตแดนรัฐอิลลินอยส์ เข้าสู่รัฐมิสซูรี่ปาดเฉียงไปทางตะวันตกเฉียงใต้เข้ารัฐมิสซูรี่แล้วลงรัฐแคนซัสจากนั้นเข้าสู่โอกลาโฮมา แวะเท็กซัสเข้าสู่รัฐนิวเม็กซิโกแล้วเลยไปแอริโซน่าวกเลียบชายฝั่งแปซิฟิกเข้าสู่แคลิฟอร์เนียจนสิ้นสุดที่ซานตาโมนิกา
ถนนสายที่ 66 ลากผ่าน 3 เขตเวลาและ 8 รัฐ เชื่อมตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันนับเป็นถนนที่กลายเป็นตำนานและได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุดตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ปรากฎอยู่ในวรรณกรรม เรื่องเล่า บทเพลงภาพยนตร์ และรายการทีวี
ตั้งแต่ต้นสายยันปลายทาง ทำให้ได้เห็นชีวิตชาวไร่ในรัฐอิลลินอยส์ ถนนสายเก่าในรัฐมิสซูรี่แวะฟังตำนานเคาบอยและอินเดียนแดงในรัฐโอกลาโฮมาตามรอยเส้นทางคนงานเหมืองในแอริโซน่าจนไปสิ้นสุดในดินแดนสว่างไสวโอบกอดด้วยเกลียวคลื่นมหาสมุทรแปซิฟิก
สมัยก่อนถนนเส้นนี้อู้ฟู่มาก แต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างอย่างน่าใจหาย บนเส้นทางถนนสายที่ 66 เต็มไปด้วยเมืองเล็กๆ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเมืองที่ถูกหลงลืม รวมทั้งบรรดาเมืองผีหรือ Ghost Town ถึงจะเรียกว่าเมืองผีฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วเมืองเหล่านี้ผุดพรายตามเส้นทางของคนงานเหมืองกระจายอยู่ที่นั่นที่นี่ จนกระทั่งเหมืองเหล่านี้ปิดตัวลงคนงานต่างย้ายออกจากเมืองจนทำให้เมืองเหล่านี้กลายเป็นเมืองร้างเลยได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองผี
ถนนสายนี้สร้างช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประมาณ ค.ศ.1926 ตอนแรกถือเป็นถนนสายหลักพาดผ่านกลางประเทศต่อมาอเมริกาสร้างถนนเพิ่มขึ้นมากมายโดยเฉพาะพวกเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์ต่างๆ รองรับรถยนต์ได้อีกมากมายผู้คนเลยเริ่มห่างเหินจากถนนสายที่ 66 ไปโดยปริยาย
เพราะถนนเส้นอื่นใช้เวลาเดินทางสั้นกว่ามาก จนทำให้ถนนสายที่ 66 ถูกถอดออกจากระบบทางหลวงของอเมริกาในปีค.ศ.1985
หลังจากถูกทิ้งมานานปีถนนเส้นนี้ได้รับการแต่งหน้าทาปากยกระดับขึ้นเป็น“ถนนสายประวัติศาสตร์” แต่สภาพถนนไม่ได้สมบูรณ์ในทุกรัฐ ยังคงสภาพดีแค่ในบางรัฐเท่านั้น
เส้นทางหลายแห่งยังคงสถานที่ดั้งเดิมไว้ เช่น ปั๊มน้ำมันเก่าโมเต็ลย้อนยุค และร้านอาหารฝุ่นเขลอะเวิ้งว้างกลางทะเลทรายอย่างที่เคยเห็นในหนังแต่อย่างไรก็ตามความรุ่งเรืองของถนนสายที่ 66ยังเข้าไปอยู่ในฉากหนังและเพลงมากมาย
แม้ถนนสายที่ 66 ถูกยกเลิกจากระบบทางหลวงอเมริกาแต่เสน่ห์ถนนเส้นนี้ยังมีอยู่อย่างครบถ้วนเพราะบางส่วนของเส้นทางเดิมกำหนดให้เป็นเส้นทางชมวิว ใช้ชื่อว่า Historic Route 66 หรือเส้นทางประวัติศาสตร์สาย 66 นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพราะคือหนึ่งในแลนด์มาร์กของอเมริกา
ความสำคัญของถนนเส้นนี้ทำให้ได้รับการกล่าวขานถึงในวรรณกรรมและบทเพลง ถนนสายที่ 66 กลายเป็นถนนสายความหวังดังปรากฎในบทเพลง Route 66 ของ Bobby Troupซึ่งโด่งดังทั้งอเมริกาจากการขับร้องของ Nat King Cole จริงๆแล้วเพลงนี้มีชื่อเต็มคือ Get your kicks on Route 66แต่คนมักรู้จักในชื่อ Route 66 เนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวที่พบเจอบนถนนสายนี้ตั้งแต่ชิคาโกไปจนถึงแอลเอเพลงนี้โด่งดังจนได้รับการบันทึกเสียงใหม่จากนักร้องดังหลายคน อย่างเดอะ โรลลิ่ง สโตนและแวน เมอริสัน
ต่อมาชื่อถนนสายที่ 66 กลายเป็นหนังสือได้รับการถ่ายทอดในรูปแบบรายการทีวี ในปี 1960-1964 เป็นเรื่องราวของสองหนุ่มนักผจญภัยที่ท่องไปบนถนนนสายนี้ด้วยรถเชฟโรเลต เล่นเอายี่ห้อนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วงเวลานั้น
ทางหลวงเส้นนี้มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น The Main Street of America The Mother Road และ Will Rogers Highway ในปี คศ.1956 กฎหมายทางหลวงแห่งชาติให้สร้างระบบทางหลวงเชื่อมรัฐทั่วประเทศทำให้ผู้คนหันไปใช้ถนนใหม่มากขึ้น ถนนสายที่ 66 ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำในบางช่วงเวลาแต่ถนนเส้นนี้ยังมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้ไปสัมผัสจนทุกวันนี้
........................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี