เพิ่งเปิดศักราชปีใหม่มาได้แค่สัปดาห์เดียวการเมืองว่าด้วยเรื่องเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ซึ่งนับตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีนายเศรษฐาทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เข้าบริหารประเทศ จะว่าระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติที่มี ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าการฯ มีแนวคิดแบบ “สร้างดาวกันคนละดวง” ก็ว่าได้
โดยเฉพาะเรื่องนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ของพรรคเพื่อไทย นั้น มีความเห็นต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันที่จะแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้แก่ประชาชนคนไทยที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปทุกคน คนละ 1 หมื่นบาท ด้วยข้ออ้างว่าประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่แบงก์ชาติโดย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยกำลังฟื้นตัวควรปรับโหมดจากการเหยียบคันเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ มาเป็นการค่อยๆ สร้างความมั่นคงทางการคลัง เพื่อให้การขาดดุลงบประมาณค่อยๆ ลดลงเพราะหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ในช่วงที่รับมือกับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ทำไปทำมานโยบายดิจิทัล วอลเล็ตของพรรคเพื่อไทยก็กลายเป็น “โรคเลื่อน” เพราะหาข้อสรุปเรื่องการกู้เงินไม่ได้ จนกระทั่งกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่อขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยในข้อกฎหมาย กรณีที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการนี้ว่าทำได้หรือไม่
และเมื่อวันที่ 6 มกราคมวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือความเห็นตอบกลับมายังรัฐบาล ซึ่งไม่มีใครรู้จริงว่าความเห็นเป็นประการใด เพราะเป็นหนังสือลับมาก ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในวันถัดมาคือวันที่ 7 มกราคม ว่าได้รับหนังสือแล้วโดยไม่ได้ให้รายละเอียด เพียงแต่กล่าวว่าเป็นข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็น ซึ่งจะต้องฟังความเห็นอีกหลายฝ่ายประกอบการพิจารณา และบอกว่าอีกสองวันข้างหน้าจะแถลง ว่าขั้นตอนจากนี้รัฐบาลจะทำอย่างไรต่อไป
มีข้อมูลเบื้องต้นจาก “สำนักข่าวอิศรา” ที่เจาะข่าวนี้มาได้เปิดเผยว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว ไม่ฟันธงว่าการกู้เงินทำได้หรือไม่ได้ เพียงแต่อธิบายข้อกฎหมายต่างๆ เท่านั้น
ถึงวันนี้ นโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาท” ที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สองเดือนที่แล้วว่า “ไม่ใช่แค่ความฝันแต่กำลังเป็นความจริงแล้ว” นั้น สุดท้ายแล้วหากไม่เป็นฝันค้างหรือฝันสลาย ก็มีแนวโน้มว่าคุกรออยู่ข้างหน้า ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังที่จะออก พ.ร.บ.เงินกู้
เพราะการออก พ.ร.บ.เงินกู้นั้น หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ (พ.ศ.2561) ตามมาตรา 9 วรรคสามของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่ได้บัญญัติไว้ว่า “คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว” และมาตรา 53 ที่ระบุว่า ถ้าจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ต้อง“...มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน...”
คำถามก็คือ ถ้าประเทศมีวิกฤตจริงและจำเป็นจะต้องกู้เงินมาใช้ ทำไมรัฐบาลถึงไม่กล้าออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ซึ่งรวดเร็วทันใจและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเร่งด่วนเหมือนสมัยที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออก พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาจากวิกฤตโควิดระหว่างปี 2563-2565 ที่ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วนประสบความเดือดร้อนจึงจำเป็นต้องกู้เงินมา “ฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยา”
และอย่างที่ กล่าวไว้ในตอนต้น เพิ่งเปิดศักราชปีใหม่มาได้แค่สัปดาห์เดียว การเมืองว่าด้วยเรื่องเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที เมื่อนายสรกล อดุลยานนท์ หรือ “หนุ่มเมืองจันท์” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหนุ่มเมืองจันท์โดยอ้างข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กันยายน) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย 10 แห่ง ประกาศผลประกอบการออกมาโดยรวมมีกำไรสุทธิ 186,559 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และหนุ่มเมืองจันท์ได้ตั้งคำถามว่า กรณีแบงก์ไทยทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากอานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ทำไมสภาพเศรษฐกิจไทยยังย่ำแย่
โดยหนุ่มเมืองจันท์โยนระเบิดใส่ “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ว่า “เห็นพาดหัวข่าวของ “ประชาชาติธุรกิจ” (6 มกราคม) วันนี้แล้วอึ้งเลยครับ ผมไม่รู้ว่า “แบงก์ชาติ” จะรู้สึกตงิดอะไรในใจบ้างไหม”
เท่านั้นแหละครับเหมือนได้ทีขี่มะโรงไล่ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน กระโดดออกมาขานรับทันที ด้วยการเขียนเฟซบุ๊กกระทบชิ่งไปยังผู้ว่าการแบงก์ชาติว่า“หวังว่าแบงก์ชาติจะช่วยดูแลประชาชนไม่ขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับเงินเฟ้อนะครับ”
ต้องดูกันต่อไปว่า เรื่องดิจิทัล วอลเล็ต กับเรื่องดอกเบี้ยสวนทางกับเงินเฟ้อนี้ รัฐบาลจะจับมาผสมกันให้เป็นปัญหาอย่างไร จากตุลาคม 2563 จนวันนี้ “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ทำงานในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาเกินครึ่งวาระแล้ว จะเปลี่ยนม้ากลางศึกกันหรือไม่อย่างไร-เป็นเรื่องน่าชวนติดตามอย่างยิ่ง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี