การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันนั้น ผมได้เคยคุยกันไปหลายครั้งแล้วว่า มีความแตกต่างจากการเลี้ยงในสมัยก่อนมาก จากในอดีตที่เราเลี้ยงกันแบบ “สุนัขใต้ถุนเรือน” ซึ่งเป็นคำพูดที่ใช้มาตั้งแต่โบราณ จากการที่บ้านเรือนในสมัยก่อน มักเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง สุนัขก็จะอยู่ใต้ถุนบ้าน (สุนัขจะไม่มีทางได้รับการอนุญาตให้ขึ้นไปบนตัวบ้านเลย) ถูกเลี้ยงแบบอิสระ กินอยู่เองตามมีตามเกิด วันไหนที่บ้านมีอาหารเหลือ สุนัขก็จะได้กิน ส่วนวันไหนอาหารอร่อยคนกินหมด สุนัขก็จะเข้าสู่โหมด “อดอาหาร” ไปตามระเบียบ
แต่ในปัจจุบัน สุนัขถูกยกระดับการเลี้ยงขึ้นมาเป็น “สมาชิกตัวหนึ่ง (หรือคนหนึ่ง) ในครอบครัว” มีการเอาใจใส่ดูแลมากขึ้น มีการจัดอาหารเฉพาะให้เป็นพิเศษ (ไม่ใช่ของที่เหลือจากคนเหมือนอดีต) มีความผูกพันใกล้ชิดกันมากขึ้น บางบ้านถึงกับกินอาหารพร้อมกันกับคน บางบ้านก็นอนในห้องนอนเดียวกัน หรืออาจถึงขั้นนอนร่วมเตียงร่วมหมอนเดียวกันกับคนเลยทีเดียว
ก่อนอื่น เรามาดูข้อดีกันก่อน ว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงนั้นมีประโยชน์ต่อเราอย่างไร
1. ประเด็นแรกคือทำให้ผู้เลี้ยงมีสุขภาพจิตดี ช่วยให้ไม่เหงา เพราะเหมือนมีเพื่อนอยู่ข้างกาย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ลูกหลานโตๆ กันหมดแล้ว
2. ได้การออกกำลัง เนื่องจากในการเลี้ยงนั้น จะต้องมีกิจกรรมในการจูง เพื่อพาไปเดินเล่นออกกำลัง
3. เป็นการฝึกให้มีวินัยในการดูแล เนื่องจากจะต้องมีการให้อาหาร มีการพาออกไปขับถ่าย รวมถึงต้องพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนด
4. นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่เผยแพร่ในต่างประเทศ ระบุว่าเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมา (อย่างมีสุขอนามัยที่ดี)จะมีแนวโน้มที่มีสุขภาพแข็งแรงกว่าเด็กๆ ที่เติบโตมาโดยไม่ได้เลี้ยงน้องหมา รวมถึงยังมีงานวิจัยระบุว่า การสัมผัสสัตว์เลี้ยง จะช่วยลดความตึงเครียดลงได้อีกด้วย
แต่ปัญหาที่ “อาจ” เกิดได้ จากการเลี้ยงสุนัขหรือแมว(ที่สุขอนามัยไม่ดี) ในห้องนอน ได้แก่
1. ปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ จากการที่หายใจเอาฝุ่นหรือสะเก็ดรังแคจากผิวหนังของสัตว์เข้าไป
2. ปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ การรับเอาเชื้อแบคทีเรียจากตัวสัตว์เข้าไปผ่านทางปาก แล้วอาจทำให้เกิดการท้องเสียได้
3. ปัญหาการระคายเคืองผิวหนัง การเกิดผื่น หรืออาการคันจากเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามผิวหนังของสัตว์ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย หรือปรสิตภายนอกเช่น เห็บ หมัด ไร หรือเหา
4. โรคสัตว์ที่ติดต่อสู่คน (zoonosis) เช่น โรคพิษสุนัขบ้าโรคแมวข่วน โรคหนูกัด โรคพยาธิในทางเดินอาหาร เช่น พยาธิไส้เดือนและพยาธิปากขอที่ปนมากับอุจจาระ และพยาธิตืดที่ติดโดยหมัด
“แต่” ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สามารถป้องกันได้แบบ “ง่ายๆ” เลย นั่นก็คือ
1. ผู้เลี้ยงต้องดูแลเรื่องความสะอาดของตัวสัตว์เลี้ยงโดย
- การอาบน้ำดูแลความสะอาดผิวหนังและช่องปากอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่ไปสัมผัสสิ่งสกปรก
- พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคประจำปี รวมถึงมีการถ่ายพยาธิและการกำจัดปรสิตภายนอกเป็นประจำ
2. การทำความสะอาดห้องนอนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เช่น แอร์ ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม และพรม
3. ดูแลสุขอนามัยของตัวเรา โดยเฉพาะเรื่องการทำความสะอาดร่างกาย และการออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันต่อโรค
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นว่า การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในห้องนอนนั้น อาจไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนวิตกกัน หากเราหมั่นดูแลความสะอาดและสุขอนามัยของตัวผู้เลี้ยง ตัวสัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม เราก็จะสามารถอยู่กับสัตว์เลี้ยงได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขครับ
ผศ.น.สพ.ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี