โรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่สูงสุดของประชากรไทย และหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทยคือมะเร็งปอด (lung cancer)โดยจากสถิติพบว่าถ้าพิจารณาในกลุ่มประชากรชาวไทยทั้งหมด มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับสาม โดยมีจำนวนผู้ป่วยใหม่ประมาณ 10,000 รายต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นในทุกๆ ปี ถ้าแบ่งออกตามเพศ พบว่าในเพศชาย จะพบมะเร็งปอดพบได้บ่อยเป็นอันดับสอง (รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี) และพบบ่อยเป็นอันดับสี่ในเพศหญิง รองจากมะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งของระบบทางเดินอาหาร และถ้าพิจารณาถึงผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากมะเร็งในแต่ละปี พบว่ามะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นของโรคมะเร็งที่เกิดในคนไทยมะเร็งปอดเป็นโรคที่มีความรุนแรงแต่สามารถป้องกันได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคและการรักษาในระยะแรกก็ยังมีโอกาสหายขาดจากมะเร็งได้
ชนิดของมะเร็งปอด
มะเร็งที่ปอดสามารถแบ่งออกได้อย่างกว้างๆ ออกเป็นสองประเภทคือ
1.มะเร็งที่เกิดจากเนื้อปอดเอง (primary lung cancer) โดยเป็นมะเร็งที่มีต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อของปอด จะมีการแบ่งชนิดย่อยออกไปตามลักษณะทางพยาธิวิทยา ออกเป็น
a. มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (non small cell carcinoma) ในกลุ่มนี้สามารถแบ่งชนิดออกไปตามลักษณะที่ตรวจพบจากชิ้นเนื้อ เช่น adenocarcinoma, squamous cell carcinoma มะเร็งปอดกลุ่มนี้ รวมกันพบได้ประมาณ 80% ของมะเร็งปอดของประชากรไทย
b.มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (small cell carcinoma) พบได้ประมาณ 20% ของมะเร็งปอดที่พบในประชากรไทย
c.มะเร็งปอดชนิดอื่นๆ ที่พบไม่บ่อย เช่น carcinoid tumor เป็นมะเร็งที่มีลักษณะเฉพาะและพบไม่บ่อย
การแบ่งมะเร็งปอดออกเป็นกลุ่มๆ จะช่วยในการประเมินการดำเนินโรคและเลือกการรักษาที่เหมาะกับชนิดของมะเร็งแต่ละชนิด เนื่องจากการรักษาจะไม่เหมือนกันสำหรับมะเร็งที่มีลักษณะทางพยาธิวิทยาที่แตกต่างกัน
2.มะเร็งปอดที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น (metastatic lung cancer) เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่มีเลือดและน้ำเหลืองมาเลี้ยงเป็นปริมาณมาก ดังนั้น เมื่อมีการแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่นก็จะมีโอกาสมาที่ปอดได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้การรักษามะเร็งปอดที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่นจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งต้นกำเนิด แต่ส่วนมากมักจะแสดงว่ามะเร็งได้ลุกลามไปมากและมักจะรักษาไม่หายขาดแล้ว
สาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด
มะเร็งปอดเกิดจากเนื้อเยื่อที่เกิดการแบ่งตัวผิดปกติ ทำให้มีการเติบโตของเนื้อเยื่อและลุกลามไปยังอวัยวะอื่น สาเหตุที่พบได้บ่อยของมะเร็งปอดคือร่างกายได้รับสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งอย่างต่อเนื่อง โดยสารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้กลไกการควบคุมการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อทำงานผิดปกติ ทำให้เซลล์ของปอดมีแบ่งตัวเพิ่มจำนวนที่ผิดปกติขึ้น ภาวะที่เป็นความเสี่ยงสูงสุดของการเกิดมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิด เนื่องจากในควันบุหรี่จะมีส่วนประกอบมากมายหลายชนิดและพบว่ามากกว่า 62 ชนิดเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง (carcinogens) เช่น น้ำมันดิน สารไฮโดรคาร์บอน ดังนั้นพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสเกิดมะเร็งมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบประมาณ 10-20 เท่า ส่วนผู้ที่รับควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อม (second-hand smokers) ก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดสูงกว่าบุคคลที่ไม่สูบบุหรี่อย่างชัดเจน หญิงที่อาศัยอยู่กับสามีที่สูบบุหรี่ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น 24% และผู้ที่ทำงานในสิ่งแวดล้อมที่มีการสูบบุหรี่ ก็จะพบว่ามีโอกาสเกิดมะเร็งปอดมากขึ้นเช่นกัน จากสถิติพบว่าในผู้ป่วยชายไทยที่เป็นมะเร็งปอด มากกว่า 90% จะมีประวัติการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องมาก่อน ส่วนในเพศหญิง พบว่าประมาณ 50% มีประวัติสูบบุหรี่ ซึ่งการสูบบุหรี่ก็ยังเป็นปัญหาที่สำคัญของประชากรไทย เนื่องจากข้อมูลล่าสุดยังพบว่ามีคนไทยสูบบุหรี่มากกว่า11 ล้านคน และประชากรไทยเพศชาย มากกว่า40% สูบบุหรี่ ส่วนในเพศหญิงถึงแม้ว่ามีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำ (ประมาณ 2%) แต่พบว่าในปัจจุบันมีวัยรุ่นทั้งหญิงและชายที่สูบบุหรี่มากขึ้น และจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากในการเกิดมะเร็งปอดในอนาคต นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้มีโอกาสเกิดมะเร็งปอดมากขึ้นได้แก่ การหายใจแร่ใยหิน (asbestos) ซึ่งมักจะได้รับจากการทำงาน, โรคเรื้อรังในปอดบางชนิด เช่น พังผืดในปอด (pulmonary fibrosis) ซึ่งภาวะเหล่านี้ ไม่ใช่สาเหตุที่พบบ่อยของมะเร็งปอด
ดังนั้นจะเห็นว่าแนวทางที่สำคัญที่สุดของการป้องกันการเป็นมะเร็งปอดคือการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการสัมผัสกับควันบุหรี่มือสอง การหยุดสุบบุหรี่ของผู้สูบบุหรี่จะทำให้ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลดลงทันที แต่ในผู้ที่สูบมานาน ต้องใช้เวลาหลังเลิกบุหรี่ถึง 15-20 ปี ที่ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปอดจะลดลงมาเท่าคนปกติที่ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองที่มักพบในที่ทำงาน หรือสิ่งแวดล้อม การดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งลงได้
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี