เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้คุยกันถึงการบริจาคเลือดในสุนัขและแมว ชนิดของกลุ่มเลือด รวมถึงสถานการณ์ของร่างกายหรือโรคที่บ่งชี้ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องได้รับเลือดกันไปแล้ว สัปดาห์นี้เรามาคุยกันต่อ ถึงขั้นตอนในการบริจาคเลือด บริมาณเลือดที่จะบริจาคแต่ละครั้ง รวมถึงองค์ประกอบของเลือดที่สัตวแพทย์สามารถนำไปแยกใช้ และข้อดีของการบริจาคเลือดกันครับ
@ปริมาณเลือดเท่าใด ที่สุนัขและแมวสามารถบริจาคได้ในแต่ละครั้ง?
สุนัขสามารถบริจาคเลือดได้ปริมาณ 10-20 มล./กก. โดยปกติในสุนัขพันธุ์ขนาดกลางจะเก็บเลือดไม่เกิน 350 มล. ต่อตัว ส่วนในสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น Great Dane และ Saint Bernard จะเก็บเลือดได้ประมาณ 450 มล. ต่อตัว
ส่วนในแมวสามารถบริจาคเลือดได้ปริมาณ 10-12 มล./กก. ซึ่งโดยปกติจะอย่ที่ประมาณ 60-90 มิลลิลิตร
@ขั้นตอนในการบริจาคเลือดในสุนัขเป็นอย่างไร
ในการบริจาคเลือดในสัตว์เลี้ยง จะคล้ายกันทั้งในสุนัขและแมว คือจะมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
ตรวจเช็คสุขภาพสัตว์
สัตวแพทย์จะตรวจเลือดสัตว์ โดยตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด รวมทั้งตรวจการทำงานของตับไต และตรวจพยาธิในเม็ดเลือดก่อน
การเก็บเลือด
เมื่อผลเลือดผ่านเกณฑ์แล้ว สุนัขสามารถเก็บเลือดได้จากทั้งที่หลอดเลือดดำที่ขาหน้า หรือที่คอ ขึ้นอยู่กับขนาดของสุนัขและขนาดของหลอดเลือด (ทั้งนี้หากสุนัขมีอาการวิตกหรือเครียดมากๆ สัตวแพทย์และเจ้าของอาจพิจารณารวมกันในการให้ยาซึมเพื่อลดความเครียดของสัตว์ได้)
การให้สารน้ำทดแทน
ระหว่างที่สุนัขบริจาคเลือด สัตวแพทย์จะทำการให้น้ำเกลือเพื่อทดแทนปริมาณน้ำเลือดที่สูญเสียไป และป้องกันไม่ให้สุนัขมีสภาวะขาดน้ำ
การพักผ่อน
หลังจากบริจาคเลือดเรียบร้อยแล้ว สุนัขจะนอนพักเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที
การบำรุง
สุนัขจะได้รับอาหารบำรุงสุขภาพ และยาบำรุงเลือดกลับไปป้อนต่อเนื่องที่บ้าน
@ ที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีผลิตภัณฑ์ของเลือดอื่นหรือไม่?
นอกจากเลือด (whole blood) แล้ว โรงพยาบาลสัตว์เล็กคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ยังมีกระบวนการแยกส่วนประกอบของเลือดเพื่อใช้ในแต่ละวัตถุประสงค์ของผู้รับอีกด้วย เช่น เม็ดเลือดแดงอัดแน่น (packed red blood cells) พลาสมาแช่แข็ง (fresh frozen plasma) และเกล็ดเลือด (platelet concentration)
@การวางยาซึมแก่สัตว์เลี้ยงเพื่อบริจาคเลือดมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?
สำหรับสุนัข สัตวแพทย์อาจมีการให้ยาซึม เพื่อคลายเครียดหรือเพื่อสงบประสาทในสุนัขที่มีอาการตื่นเต้น หรือค่อนข้างดุจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้ โดยเรียนย้ำว่า ยาที่ใช้ค่อนข้างมีความปลอดภัย และภายหลังการใช้ยา จะมีการให้ยาเพื่อแก้ฤทธิ์ของยาสงบประสาทเสมอ เพื่อสุนัขบริจาคเลือดเสร็จจะกลับมารับรู้เป็นปกติเกือบ 100%
ส่วนในแมว สัตวแพทย์มีความจำเป็นที่ต้องวางยาสงบประสาทในเกือบทุกกรณี เนื่องจากแมวมักมีความวิตก และมักจะไม่ค่อยยินยอมให้กระทำอะไรที่ใช้เวลานานๆ แต่เรียนว่าปริมาณยาและชนิดของยาที่ให้ จะอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อตัวแมว
@การพาสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือด มีข้อดีอย่างไร?
1. การบริจาคเลือดที่ธนาคารเลือด โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาฯ นั้น มีประโยชน์หลายด้าน ทั้งต่อตัวสัตว์เองและเจ้าของสัตว์ ได้แก่ ตัวสัตว์เลี้ยงเอง จะได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์อย่างละเอียด และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพด้วย
2. ร่างกายของสัตว์ มีการหมุนเวียน เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่เป็นประจำทุก 3 เดือน
3. ถือว่าเป็นการทำบุญ 2 ต่อ ทั้งตัวสัตว์เองที่ได้ต่อชีวิตและต่อลมหายใจให้แก่เพื่อนสัตว์ที่กำลังเจ็บป่วย และต่อเจ้าของสัตว์เองก็ได้ชื่อว่าเป็นสะพานบุญในการเชื่อมต่อการทำความดีนั้นด้วย
จะเห็นได้ว่า การบริจาคเลือดมีสัตว์เลี้ยงนั้น มีความจำเป็นต่อลมหายใจให้สัตว์ที่ต้องการเลือดทดแทน ไม่ว่าจะเป็นจากโรคหรือจากอุบัติเหตุ รวมถึงยังเป็นประโยชน์ต่อตัวสัตว์เลี้ยงและผู้เลี้ยงอีกด้วย อีกทั้งการบริจาคเลือดนั้น ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างที่หลายคนเข้าใจ ดังนั้นหากท่านใดมีสัตว์เลี้ยงที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นผู้ให้เลือดก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ แผนกธนาคารเลือด โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี