คงจะมีท่านผู้อ่านหลายๆ ท่าน หรือมีญาติพี่น้องของท่านผู้อ่านได้ตรวจพบว่าตัวเองมีก้อนเนื้อ(งอก) เกิดขึ้นบริเวณแขนหรือขา ลักษณะก้อนที่พบอาจมีหลายลักษณะ บางก้อนลักษณะกลมๆ นุ่มๆ บางก้อนมีลักษณะขรุขระตะปุ่มตะป่ำ บางก้อนลักษณะคล้ายติ่งเนื้อยื่นออกมาจากผิวหนังเดิม บางก้อนมีสีผิวค่อนข้างเข้มคล้ายไฝ บางครั้งมีหลายๆก้อนเกิดขึ้นมาพร้อมกัน แต่เกือบทั้งหมดมักจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ซึ่งหมายถึงความรู้สึก เจ็บ ปวด คัน หรือ สิ่งที่ใดๆ ซึ่งเราเรียกว่า สัมผัสได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยนั้นเลย นี่จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้าเกินไป โดยปล่อยให้ก้อนที่เกิดขึ้นนั้นมีขนาดใหญ่ จนไม่สามารถที่จะรักษาโดยเก็บแขนหรือขาที่เกิดก้อนนั้นได้ หรือ อาจจะทำให้ถึงกับเสียชีวิตในกรณีที่ก้อนเนื้องอกได้เป็นมะเร็ง และกระจายไปยังปอดหรืออวัยวะอื่นๆ จนไม่สามารถรักษาใดๆ ได้อีกต่อไป ตัวอย่างเราคงเห็นได้ประปรายตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ที่มีดาราผู้ใจบุญบางท่านพาผู้ป่วยที่มีก้อนขนาดใหญ่ และมีลักษณะดังกล่าว มาส่งที่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อทำการรักษาอยู่เนืองๆ
ในทางการแพทย์ว่าด้วยเรื่องกายวิภาคศาสตร์ (anatomy) ร่างกายมนุษย์ถือว่าเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมเฉพาะที่เหมาะเจาะ เฉพาะ และลงตัวเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันร่างกายนี้แทบจะไม่เหลือที่ไว้สำหรับส่วนเกินบางอย่างที่จะเกิดขึ้นมาภายหลัง นอกเหนือจากที่ธรรมชาติสร้างให้ตามปกติได้เลย การที่เราตรวจพบว่ามีก้อนเนื้องอกผิดปกติเกิดขึ้น มันจึงเป็นสิ่งที่ผิดปกติแน่นอน เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นจะทำอันตรายแก่อวัยวะส่วนอื่นของเราหรือไม่นั่นก็คือมะเร็งที่เรารู้จักกันดี หรือ อาจจะเป็นแค่เนื้องอกที่เป็นเนื้อดีไม่ทำอันตรายกับอวัยวะส่วนอื่นของเราเพียงแต่ขอมาแฝงอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้น
ในทางการแพทย์เราถือว่า เมื่อไรก็ตามที่เราพบก้อนเนื้องอกที่เกิดขึ้นบริเวณแขนหรือขานั้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร และ/หรือ ก้อนนั้นอยู่ลึกกว่าชั้นพังผืดใต้ชั้นไขมัน เราอาจจะถือว่าก้อนที่เกิดขึ้นนั้นมีโอกาสที่จะเป็นก้อนมะเร็งสูงมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการตรวจวินิจฉัย เพื่อยืนยันให้ได้ว่าก้อนเนื้องอกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นก้อนมะเร็งหรือไม่ รวมถึงการรักษาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการกระจายของโรค
สิ่งที่ต้องการเน้นย้ำกับท่านผู้อ่านที่สำคัญคือกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ของก้อนเนื้องอกที่เป็นมะเร็งในระยะเริ่มต้นไม่ว่าก้อนนั้นจะใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร หรืออยู่ลึกกว่าชั้นพังผืดใต้ไขมันหรือไม่ก็ตาม ก้อนนั้นมักจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกใดๆ เลย นั่นหมายถึงว่าผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด คัน หรือรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะสัมผัสได้ว่าก้อนนั้นมีขนาดที่ใหญ่หรือโตขึ้นค่อนข้างเร็วผิดปกติ ดังนั้นเมื่อท่านผู้ใดตรวจพบกว่ามีก้อนเนื้องอกเกิดขึ้นกับร่างกายแล้วไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนของร่างกายก็ตามควรที่จะพบแพทย์เพื่อทำการตรวจ วินิจฉัยให้ถูกต้อง อย่ารอจนมีความรู้สึกเจ็บ ปวด หรือสิ่งใด ๆเกิดขึ้นแล้วจึงค่อยพิจารณาเรื่องการรักษา นั่นทางการแพทย์ถือว่าช้าเกินไป
ผู้เขียนมักจะยกตัวอย่างกรณีของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งบริเวณเต้านมเป็นกรณีศึกษาเสมอ คือ มากกว่า90 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม จะมาพบแพทย์ด้วยอาการด้วยตรวจพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านม แทบจะไม่มีผู้ป่วยรายใดเลยที่ตรวจพบก้อนเนื้องอกที่เต้านมและรอจนกว่าจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณเต้านมแล้วจึงค่อยมาพบแพทย์ ซึ่งในกรณีของเนื้องอกบริเวณแขนขาก็เช่นกัน
ดังนั้นเมื่อท่านตรวจพบว่ามีก้อนเนื้องอกเกิดขึ้นในบริเวณแขนหรือขาของท่าน ทางการแพทย์แนะนำให้ท่านควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ลดโอกาสที่โรคจะกระจายไปที่จุดอื่น ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นก้อนมะเร็งอันทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากและอาจถึงเสียชีวิต
แต่ในกรณีที่ท่านผู้อ่านอาจจะยังไม่สะดวกในการไปพบแพทย์ ท่านอาจจะใช้วิธีสังเกตอาการโดยสังเกตจากอัตราการเติบโต การเพิ่มจำนวน หรือขยายของก้อนเนื้องอกที่ท่านหรือญาติได้ตรวจพบ ถ้าอัตราการเติบโต หรือ การขยายเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตัวก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วให้รีบไปพบแพทย์ทันที ทางผู้เขียนขอย้ำว่าอย่ารอจนมีอาการเจ็บ ปวด หรือ สิ่งใดที่เป็นลักษณะทางความรู้สึกและสัมผัสได้แล้วค่อยไปพบแพทย์ นั่นถือว่าช้าเกินไป ผู้เขียนมักจะบอกกับผู้ป่วยที่มาตรวจเสมอว่าถ้าท่านรอจนก้อนนั้นเจ็บ มันกำลังจะ “จบ” ซึ่งอาจหมายถึงจบชีวิต หรือ ต้องเสียแขน ขา ของผู้ป่วยนั้นแล้ว
เมื่อไปพบแพทย์แล้ว มักจะมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การเอกซเรย์ การทำ MRI หรือ การตรวจทางแผนกอื่นเพิ่มเติมจนนำไปสู่การตัดชิ้นเนื้อเพื่อพิสูจน์ว่าก้อนเนื้องอกที่ตรวจพบเป็นมะเร็งหรือไม่ และหลังจากนั้นก็จะทำการรักษาตามการวินิจฉัยโรคนั้นๆ ต่อไป
จึงขอสรุปบทความนี้ว่า เมื่อใดที่มีท่านผู้อ่านทุกท่านหรือญาติมิตรของท่าน พบว่ามีก้อนเนื้องอกผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองควรรีบใส่ใจ ไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดถ้าสามารถทำได้ แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมหรือบริบทต่างๆ ไม่อำนวย ไม่ควรรอจนมีอาการเจ็บ หรือ ปวดแล้วจึงไปพบแพทย์ ควรรีบไปพบแพทย์เมื่อสังเกตได้ว่าก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ ก่อนที่จะสายเกินไป หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และนำไปสู่การป้องกัน และวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วในที่สุด
บทความโดย
พ.อ.นพ.ภูวดล วีรพันธุ์
ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี