เป็นอันว่า ครม.ภูมิธรรมเห็นชอบ แต่งตั้ง นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน
ภารกิจที่ท้าทาย คือ การเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง ทันทีเลย จริงหรือไม่?
หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ เปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะมีการแต่งตั้งอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่
หลังจากคนเก่าขอย้ายตัวเอง เป็นนัยว่าไม่ต้องการเสี่ยงคุกจากกรณีเขากระโดง
1.รักษาราชการแทนนายกฯ ภูมิธรรม ยืนยันว่า การเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ค้างคา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ดีๆ ตนจะหยิบขึ้นมา เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนถามทุกวัน ภาคประชาชนก็สอบถามเข้ามา มีหน่วยงานมาประท้วง จึงทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจน จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งมีความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างกัน และสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าที่ดินดังกล่าวนี้เป็นของรัฐมาตั้งแต่ต้น เมื่อเป็นเช่นนี้กฎหมายให้ดำเนินการอย่างไรเราก็ทำตามกฎหมาย
ส่วนเรื่องที่ดินอัลไพน์ นายภูมิธรรมยืนยันว่า จะใช้มาตรฐานเดียวกัน มีการตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน ไม่มียกเว้น
2. นายศุภชัย ใจสมุทร มือกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ให้ความเห็นโต้ตอบ กรณีนายภูมิธรรมกล่าวว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการจัดการเรื่องของสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับเขากระโดง
นายศุภชัยระบุว่า
กรณีอัลไพน์
ตั้งแต่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินจำนวน 732 ไร่ ให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 22 พ.ย. 2512 ต่อมานางเนื่อมถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2514 จึงมีการตั้งผู้จัดการมรดก แทนที่ที่ดินดังกล่าวจะถูกจดทะเบียนโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัดก็หาไม่ เพราะพระราชเมธาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาส แสดงเจตจำนงจะขายที่ดินของวัด แต่ผู้จัดการมรดกเดิมที่มีจำนวน 3 คนไม่ยอม อดีตเจ้าอาวาสจึงตั้งมูลนิธิมหามกุฏฯ ให้เป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาได้โอนที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่มูลนิธิมหามกุฏฯ แล้วจดทะเบียนขายให้แก่บริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท กับ บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ ในวันที่ 31 ส.ค. 2533 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 130 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวมีนางอุไรวรรณ เทียนทอง (ภรรยาของนายเสนาะ เทียนทอง) และนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ เป็นผู้ถือหุ้น
ต่อมา ทางบริษัทอัลไพน์ฯ ได้ขายหุ้นให้กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งในปี 2544 อธิบดีกรมที่ดินได้เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินเพื่อคืนที่ดินนั้นให้กับวัดเป็นที่ธรณีสงฆ์แล้ว
ต่อจากนั้น ปี 2545 นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองปลัดกระทรวง (รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้น) มีคําสั่งให้เพิกถอนคําสั่งของอธิบดีกรมที่ดินนั้น แล้วก็คืนโฉนดที่ดินให้กับบริษัทอัลไพน์ฯ
ในที่สุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เห็นว่า นายยงยุทธ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แล้วก็ถูกดําเนินคดีในศาลอาญาทุจริต
จนปีพ.ศ. 2563 ศาลพิพากษาให้นายยงยุทธ จําคุก 2 ปี ตามคําพิพากษา นั่นคือในส่วนของกรณีอัลไพน์ฯ
กรณีที่ดินเขากระโดง
เรื่องนี้ที่มีการเสนอให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้นได้มีตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ประมวลกฎหมายที่ดิน ในที่สุดคณะกรรมการชุดนั้นก็เห็นว่าการออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดิน น.ส.3 ไม่ได้คลาดเคลื่อน และไม่ชอบด้วยกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้นก็ได้เห็นชอบกับคณะกรรมการ และให้ยุติเรื่องไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ
เรื่องนี้ก็มีมาจนกระทั่งปีพ.ศ. 2564 การรถไฟฯได้ไปฟ้องกรมที่ดิน ขอให้ใช้อํานาจเพิกถอนที่ดิน แต่ศาลปกครองมีคําพิพากษาให้กรมที่ดินไปตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 เหมือนตอนปี 2552 ที่อธิบดีตั้งมาครั้งหนึ่งแล้ว และรอบนี้ผลก็เหมือนกัน คือ มีความเห็นตามคณะกรรมการที่เสนอว่า การออกเอกสารสิทธิไม่ได้คลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีความเห็นชอบตามมตินั้น คือไม่เพิกถอน
พอไม่เพิกถอน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา 21 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม ได้ให้นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 7 คน ซึ่ง 7 คนนี้ให้ไปตรวจสอบคําสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่เห็นชอบในการไม่เพิกถอน และหลังจากนั้น เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา มีคําสั่งว่า “ให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน”
นายศุภชัยชี้ว่า จากการที่ได้ไล่เรียงตามลำดับไทม์ไลน์จนมาถึงตรงนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า แสดงว่ามีคนที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเรื่องของการให้เพิกถอนเรื่องนี้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าใครที่จะต้องรับผิดชอบบ้าง
เพราะกรณีที่เห็นชอบให้ไม่เพิกถอน มีตั้งแต่ อธิบดีกรมที่ดิน รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็มีความเห็นเหมือนกันหมด รวมทั้งคณะกรรมการที่ตั้งไปตามมาตรา 61
หรือการตั้งคณะกรรมการที่ตั้งมาโดย มท.3 ตามคำสั่งของ มท.1 ให้มาตรวจสอบอธิบดีกรมที่ดินเรื่องนี้ ก็มีประเด็นว่ามันชอบ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“ถ้าบอกว่าอัลไพน์ มีนายยงยุทธ ที่ติดคุกไป ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าในที่สุดแล้ว กรณีเรื่องเขากระโดง จะมีการติดคุกกันเหมือนกับกรณีเรื่องของอัลไพน์ฯ หรือไม่
ผมอยากติดตามดูว่า ใครจะติดคุกในกรณีเรื่องเขากระโดงบ้าง “ –นายศุภชัยกล่าว
3. ประการสำคัญ นายศุภชัยยังได้แจกแจงประเด็นสำคัญที่มีความพยายามใช้อำนาจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเขากระโดง
ระบุว่า
- คู่พิพาทคือการรถไฟกับกรมที่ดิน แต่ภูมิธรรมกลับตั้งเจ้าหน้าที่การรถไฟมาเป็นกรรมการสอบสวนอธิบดีกรมที่ดินผู้ใต้บังคับบัญชาของตน แล้วยังเอาเจ้าหน้าที่การรถไฟมานั่งแถลงในมหาดไทย อัดคนมหาดไทยและเชื่อข้อมูลจากการรถไฟทั้งสิ้น อันเป็นการด้อยค่ามหาดไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาไต่สวนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน เป็นคณะกรรมการจากฝ่ายการเมือง ในขณะที่คำสั่งอธิบดี เกิดจากคณะกรรมการตามกฎหมายที่ดิน กรรมการที่รัฐมนตรีตั้งเป็นการตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และผลการวินิจฉัยจะบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพราะคำสั่งแต่งตั้งไม่ได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ดิน
- มีข้อมูลว่ามีการสั่งให้อธิบดีเซ็นเพิกถอนโฉนด เป็นการใช้อำนาจรัฐมนตรีกดดันลูกน้อง อธิบดีไม่ยอมและขอย้ายออก เพราะคงไม่สามารถเซ็นคำสั่งที่ขัดกับการวินิจฉัยเดิมโดยคณะกรรมการกรมที่ดินที่ตนนั่งอยู่ได้
- กระบวนการทั้งหมดนี้ เป็นไปเพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม เพราะก่อนหน้านี้การรถไฟไปขอให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีกับผู้ครอบครองที่ดินให้แล้ว (เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาในอัยการสูงสุด)
-สิ่งที่ภูมิธรรมทำคือการดึงให้เรื่องกลับมาอยู่ในมือของฝ่ายการเมือง กดดันให้ข้าราชการทำสิ่งที่ตนต้องการ
- เป็นการใช้อำนาจมิชอบ โดยภูมิธรรมกันตัวเองออกจากความรับผิดชอบด้วยการให้ เดชอิศม์ เป็นรมช.กำกับดูแลกรมที่ดิน และให้อธิบดีเป็นคนกระทำการที่จะต้องไปรับผิดชอบเมื่อถูกฟ้องในศาลใดศาลหนึ่งซึ่งเดชอิศม์ก็พร้อมสนองเพราะคนแบบเดชอิศม์กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวเรื่องการจะถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว
4. ความจริง คือ ที่ดินเขากระโดง มีปมปัญหามานานแล้ว
และจนบัดนี้ การแก้ปัญหา ก็จะต้องใช้การดำเนินการตามกฎหมาย ตามกระบนการในชั้นศาล
แต่ประเด็นที่ฝ่านการเมืองเร่งรีบกดดันจัดการที่ดินเขากระโดงในขณะนี้ น่าจะเกี่ยวกับความแค้นเรื่องที่ดินอัลไพน์หรือไม่วิญญูชนย่อมพิจารณาได้เอง
หนึ่งในประเด็นที่มักอ้างกัน คือ ศาลมีคำพิพากษาชี้ขาดแล้วว่าทั้งหมด 5 พันไร่ เป็นที่ดิน ร.ฟ.ท. หรือศาลสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงทั้งหมด
ความจริง ถ้าศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงทั้ง 5 พันไร่จริงๆ แล้วกรมที่ดินไม่ยอมเพิกถอน ป่านนี้คงจะมีคนติดคุกไปนานแล้ว
กรณีที่ดินเขากระโดง มีคดีที่จบในชั้นศาลฎีกาแล้ว และมีคดีในศาลปกครอง
4.1 คดีที่จบไปแล้ว บังคับคดีไปเรียบร้อยแล้ว
คดีที่ประชาชน 35 ราย นำเอกสารการครอบครองที่ดิน สค.1 ไปร้องต่อศาลขอให้กรมที่ดินออกโฉนดที่ดิน แต่การรถไฟคัดค้าน
ศาลได้ตัดสินให้ยกคำร้องของประชาชนทั้ง 35 ราย
เนื่องจากการรถไฟ นำแผนที่แสดงอาณาเขตที่ดินจำนวน 5,083 ไร่ แสดงต่อศาล ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟ รับถ่ายโอนมาจากกรมรถไฟหลวง
สุดท้าย ศาลฎีกา วินิจฉัยว่าเป็นที่ดินของการรถไฟ และให้กรมที่ดินเพิกถอนคำร้องของประชาชน 35 ราย
หลังจากนั้น กรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำตัดสินของศาลในคดีเหล่านั้นไปแล้ว
แต่ความจริง นอกจากประชาชน 35 รายนั้นแล้ว ยังมีประชาชนที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน และ นส.3 ก. มากกว่า 900 ราย (แตกต่างจากประชาชน 35 รายนั้น ซึ่งไม่มีโฉนดในมือสักคน)
ประชาชนที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน และ นส.3 ก. มากกว่า 900 แปลง ไม่ได้เข้าร่วมในกระบวนการพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาตัดสินถึงที่สุดไปแล้วด้วย เพราะไม่ใช่คู่กรณี หรือคู่ความในครั้งนั้น
4.2 คดีศาลปกครอง บางฝ่ายอ้างมั่วๆว่าศาลพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง
คดีนี้ ร.ฟ.ท. เป็นฝ่ายฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ให้กรมที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนเอกสารสิทธิทุกแปลง ในพื้นที่ 5,083 ไร่
การรถไฟฯ บรรยายฟ้องว่าเป็นการออกโฉนดที่ดิน ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นที่ดินการรถไฟ โดยนำเสนออ้างแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พระพุทธศักราช 2462 และอ้างว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัย ตามหลักฐานที่การรถไฟ นำมาแสดงต่อศาล (ในคดีที่มีประชาชน 35 รายเป็นคู่ความ)
ปรากฏว่า ศาลปกครอง ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้องคำร้องของการรถไฟ และให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่ดินเขากระโดง ตามมาตรา 61 ของกฎหมายที่ดิน
สาระสำคัญของคำพิพากษาของศาลปกครอง คือ คำร้องที่ร.ฟ.ท.ขอให้ศาลสั่งกรมที่ดิน
เพิกถอนเอกสารสิทธินั้น ศาลให้ยกคำร้อง
และ ให้ไปตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ ทุกกรณีที่มีการฟ้องร้องให้กรมที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนออกเอกสารสิทธิที่ดิน ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือผิดกฎหมาย
“..หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และพิจารณาข้อเท็จจริงได้เป็นเช่นใดย่อมเป็นอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่จะดำเนินการมีคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามที่เห็นสมควร อันเป็นดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้...” –คำพิพากษาศาลปกครอง
ผลการสอบสวนของคณะกรรมการตามมาตรา 61 พบว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แผนที่ที่การรถไฟฯ กล่าวอ้างเป็นรูปแผนที่สังเขปซึ่งได้จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เป็นการจัดทำขึ้นตามมติที่ประชุม กปร. ส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรกลุ่มสมัชชาคนจน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2539 โดยผู้ฟ้องคดีนำแผนที่ดังกล่าว ไปใช้ในการต่อสู้คดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842 – 876/2560 และ ที่ 8027/2561 จึงไม่ใช่แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตวันออกเฉียงเหนือพระพุทธศักราช 2464 ...”
แผนที่ที่การรถไฟ นำไปอ้างในศาลฎีกา ไม่ใช่แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พระพุทธศักราช 2462 และสัดส่วนในแผนที่ผิดจากความเป็นจริงในพื้นที่ เช่น ทางรถไฟ ระบุในแผนที่ มีความยาว 8 กิโลเมตร แต่รางรถไฟที่มีอยู่จริงในพื้นที่ ความยาว 6.2 กิโลเมตร อีก 1.8 กิโลเมตร เป็นที่ดินของประชาชน ซึ่งมีการออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีผู้แทนการรถไฟ เป็นผู้ชี้แนวเขตการรถไฟ ซึ่งไม่ทับซ้อนที่ดินของประชาชน ปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ในเอกสารที่ประชาชนนำมาแสดงล่าสุดด้วย
จากการสอบสวน พบว่า แผนที่ฉบับที่การรถไฟนำมาอ้าง เป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นภายหลัง ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินและพนักงานการรถไฟ ร่วมกันจัดทำขึ้นเอง เพื่อเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินทำกินของประชาชน ไม่ใช่แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พระพุทธศักราช 2462
และเมื่อกรมที่ดิน ให้การรถไฟ นำแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พระพุทธศักราช 2462 แสดงเขตที่ดินการของการรถไฟ เป็นหลักฐานประกอบการรังวัดชี้แนวเขตที่ดิน ปรากฏว่า การรถไฟไม่สามารถนำมาแสดงได้
ในขณะที่ได้ประชาชนนำเอกสารสิทธิที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมายมาแสดง และคัดค้านการชี้แนวเขตของผู้แทนการรถไฟ
คณะกรรมการสอบสวน พิจารณาแล้ว เห็นว่า เมื่อการรถไฟไม่สามารถนำเอกสารสิทธิที่ดีกว่าประชาชนมาแสดงต่อคณะกรรมการได้ และมีประชาชนถือครองเอกสารสิทธิยื่นคัดค้าน จึงยังไม่มีเหตุให้เพิกถอนการออกเอกสารสิทธิของกรมที่ดิน
ต่อมา ร.ฟ.ท. มีคําขอให้ศาลมีคำสั่งให้กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินร่วมกันเพิกถอนโฉนดเขากระโดง และหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินรวม 995 ฉบับนั้น
ปรากฏว่า ศาลไม่รับฟ้อง เพราะฟ้องซ้ำ ศาลเคยพิจารณาประเด็นนี้ไปแล้ว
ตรงนี้ คือ ประเด็นที่ ร.ฟ.ท. แพ้คดีที่ศาลปกครอง และ ร.ฟ.ท.คงไม่ต้องการฟ้องรายแปลง
แต่มีความพยายามจะใช้คำพิพากษาศาลฎีกาเดิมโน้น มากดดันกรมที่ดินให้เพิกถอนทีเดียวทั้ง 900 แปลง
4.3 ปมเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่?
ขณะนี้ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กรณีร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กับคณะกรรมการสอบสวนฯ มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 1195-1196/2566 รวม 12 คน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ กรณีไม่ดำเนินการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินรถไฟบริเวณเขากระโดง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 772 แปลง
สรุป รอดู ปมที่ดินเขากระโดง หากยังพยายามแก้ปัญหาแบบเอาอำนาจการเมืองฟาดฟัน ใครจะติดคุกเหมือนกรณีอัลไพน์?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี