เมื่อกล่าวถึงมลพิษทางอากาศ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว PM2.5 ที่ลอยเป็นหมอกหนาเหนือท้องฟ้า และเป็นที่ทราบดีว่าแหล่งมลพิษที่สำคัญเกิดจากการจราจร การเผาพื้นที่เพื่อการเกษตรหรือควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม และหากเราอยู่ภายแต่ในอาคาร ปิดประตูและหน้าต่างมิดชิด ก็จะปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศเหล่านี้ แต่….“คุณรู้หรือไม่ ว่าภายในบ้านหรือที่ทำงานก็มีมลพิษทางอากาศ”
โดยปกติคนส่วนใหญ่ใช้เวลาเกินร้อยละ 90 ของวันอาศัยอยู่ภายในอาคาร ได้แก่ บ้าน โรงเรียนหรืออาคารที่ทำงาน ซึ่งภายในตัวอาคารเหล่านี้ก็มีมลพิษทางอากาศ (indoor air pollution) ประกอบด้วย สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs), ฝุ่นละอองขนาดกลางจนถึงขนาดเล็กจิ๋ว (PM 10 และ PM2.5), ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2),ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) รวมทั้งไอระเหยจากสารเคมีซึ่งสารเหล่านี้หลายชนิด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น หรือไม่ทำให้รู้สึกระคายเคืองทำให้ผู้ที่อาศัยในอาคารไม่ได้ระวังปกป้องตัวเอง ซึ่งการได้รับมลพิษเหล่านี้ในปริมาณที่มากเกินหรือสะสมเป็นระยะเวลานานจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและทำให้อายุขัยสั้นลงจากการป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ได้แก่โรคปอดเรื้อรัง หลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือด มะเร็งปอดเป็นต้น ส่วนในเด็กที่ได้รับมลพิษทางอากาศในบ้านจะให้ให้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อระบบหายใจได้ง่ายขึ้นและเป็นโรคปอดบวมรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
“มลพิษทางอากาศภายในบ้าน มาจากอากาศภายนอกผ่านเข้ามา ใช่หรือไม่”
ปริมาณมลพิษที่เราได้รับเมื่ออยู่ภายในอาคารส่วนหนึ่งเกิดมาจากมลพิษทางอากาศภายนอกที่ไหลเวียนเข้ามาในอาคาร แต่อีกส่วนหนึ่งคือมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมภายในอาคาร ซึ่งมีแหล่งกำเนิดแตกต่างกันตามลักษณะการใช้งานอาคาร ได้แก่
l บ้านอยู่อาศัย: มลพิษส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้เพื่อการประกอบอาหารด้วยเตาถ่านหรือเชื้อเพลิง การปิ้งย่างอาหาร หรือการจุดธูปเทียน การใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด รวมทั้งการสูบบุหรี่ภายในบ้าน อีกส่วนหนึ่งเกิดจากกิจกรรมการทำความสะอาดทั้งเสื้อผ้าและบ้านเรือน เช่น การกวาดพื้น หรือการใช้สารเคมีต่างๆ เช่น สเปรย์ทำความสะอาด สเปรย์ดับกลิ่น เป็นต้น
l โรงเรียน : มลพิษเกิดจากการรวมตัวของนักเรียนจำนวนมาก มีการนำสารมลพิษจากภายนอกซึ่งติดมากับเสื้อผ้าหรือรองเท้าเข้ามาภายในอาคาร และช่วงที่นักเรียนมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมาก เช่น พักเที่ยง ก่อนหรือปลายชั่วโมงเรียน ทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในห้องเรียนสูงขึ้น
l อาคารสำนักงาน : ถึงแม้ว่าความแออัดของจำนวนคนและกิจกรรมอาจน้อยกว่าโรงเรียน แต่การสัมผัสมลพิษพบเพิ่มได้จากการทำงานกับอุปกรณ์สำนักงาน เช่น พริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องจักรทำความสะอาด เป็นต้น
นอกจากนี้วัสดุก่อสร้างหรือตกแต่งอาคาร ก็เป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่นสารเคมีและสารอินทรีย์ปนเปื้อนในอากาศได้เช่นกัน เช่น วัสดุเคลือบพิ้น สีทาผนัง ยาแนว น้ำยาเคลือบผิว แลคเกอร์ หรือวัสดุประกอบเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับสารพิษดังกล่าวระหว่างพักอาศัยหรือทำกิจกรรมภายในอาคาร
“ต้องทำอย่างไรจึงจะลดพิษทางอากาศภายในอาคาร ”
เราสามารถเพิ่มการถ่ายเทอากาศสู่ภายนอกตัวอาคารด้วยการเปิดประตูหน้าต่าง เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเพื่อหมุนเวียนอากาศภายในห้อง สำหรับอาคารขนาดใหญ่ควรติดตั้งระบบระบายอากาศด้วยเครื่องกลที่ได้มาตรฐาน เช่น ระบบ heating-ventilation and air conditioning (HVAC) นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้นในการจัดการคุณภาพอากาศสำหรับอาคาร เช่น non-thermal plasma (NTP), advanced oxidation process based เป็นต้น
“ควรใช้ชีวิตภายในบ้านอย่างไร ให้ปลอดภัยในช่วงปัญหาฝุ่นละอองภายนอกเกินมาตรฐาน”
ในช่วงที่ระดับมลพิษทางอากาศภายนอกมีปริมาณสูงกว่าภายในอาคารมาก การระบายอากาศแบบธรรมชาติโดยการเปิดประตูหน้าต่าง เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ และทุกคนจำเป็นต้องอยู่ภายในบ้านหรืออาคารเป็นเวลายาวนานมากขึ้น ดังนั้น วิธีการลดมลพิษทางอากาศที่สามารถทำได้สำหรับบ้านอยู่อาศัยทั่วไป ได้แก่
l งดสูบบุหรี่ (รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า) ภายในบ้านหรือตัวอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีเด็กอยู่ด้วย
l งดการเผาไหม้รูปแบบอื่นๆ ในบ้าน เช่น จุดธูป เทียน เผากระดาษ จุดตะเกียงน้ำมันก๊าด (kerosene)
l จัดการบริเวณประกอบอาหาร โดยควรมีพัดลมระบายอากาศและเปิดใช้งานเสมอระหว่างปรุงอาหาร ควรเปลี่ยนเตาที่ใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหรือไม้ เป็นก๊าซหุงต้ม (LPG) เตาไฟฟ้าหรือเตาไร้ควันแทน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการประกอบอาหารโดยการปิ้ง ย่างภายในบ้าน
l ทำความสะอาดพื้นบ้าน อุปกรณ์และเครื่องใช้ต่างๆ เช่น พัดลม เครื่องปรับอากาศ มุ้งลวด ผ้าม่าน หรือบริเวณอื่นๆ ที่เป็นแหล่งสะสมฝุ่นให้สะอาด เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน
l ใช้อุปกรณ์กรองอากาศ (portable air filter) ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ของบ้าน
l เลือกคุณภาพและปรับปรุงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างตัวอาคารให้ได้มาตรฐาน และไม่ควรให้เด็กสัมผัสหรืออยู่ใกล้บริเวณผนังบ้านที่ชำรุดหรือสีหลุดล่อนออกเป็นแผ่น
l ปลูกต้นไม้หรือจัดสวนแนวตั้งรอบบริเวณบ้าน เพื่อดักฝุ่นละอองและมลพิษอากาศจากภายนอก
ผศ.พญ.กนกพรรณ เรืองนภา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
คณะทำงาน PM2.5 ของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี