“การเกา” เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการคันหรือการระคายเคืองผิวหนัง เมื่อสุนัข “คัน” เขาก็จะ “เกา” เพื่อลดความระคายเคืองที่ผิวหนังส่วนนั้น เมื่อเกาแล้วไม่หายคัน สัตว์เลี้ยงก็จะเการุนแรงขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาการถลอกของผิวหนัง และส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังตามมาได้
ข้อมูลของสัตว์เลี้ยงเรื่องปัญหาโรคผิวหนังที่เจ้าของควรเตรียมเพื่อสื่อสารกับคุณหมอนั้น นอกจากจะมีแค่ “สุนัขคัน” หรือ “สุนัขขนร่วง” แล้ว ควรเตรียมข้อมูลประกอบอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาด้วย เช่น สุนัขมีอาการมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เกาส่วนไหนของร่ายกายเป็นส่วนใหญ่ สุนัขได้ไปสัมผัสกับสารที่ก่อการแพ้บ้างหรือไม่ ได้ใช้ยาอะไรรักษามาบ้างแล้ว สุนัขตัวอื่นที่เลี้ยงด้วยมีอาการเช่นเดียวกันหรือไม่ ฯลฯ นอกจากนี้อาจมีเจ้าของบางท่านรายที่ไม่บอกความจริงกับหมอ เพราะกลัวจะถูกตำหนิว่าไม่ได้พามารักษาแต่เนิ่นๆ ซึ่งประวัติการป่วยที่ไม่ตรงนี้ อาจทำให้การวินิจฉัยผิดพลาดได้ นอกจากข้อมูลจากประวัติการเจ็บป่วยแล้ว สัตวแพทย์มักจะทำการตรวจร่างกายสุนัขอย่างละเอียด และใช้การตรวจทางห้องปฎิบัติการอื่นๆ เช่นการขูดผิวหนัง การย้อมสี การตรวจเลือด การเพาะเชื้อจากผิวหนังมาประกอบการวินิจฉัยร่วมด้วย
เนื่องจากปัญหาโรคผิวหนังในสุนัขและแมวนั้น มาจากสาเหตุที่หลากหลาย การรักษาก็จะมีความแตกต่างกัน ไม่สามารถที่จะใช้ “ยาขนานเดียวกัน” รักษาได้หมดทุกโรค ดังนั้นการได้ข้อมูลอย่างละเอียดจากผู้ใกล้ชิดจะช่วยให้คุณหมอทำการวินิจฉัยและรักษาได้ตรงจุด
เราจะสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคผิวหนังได้อย่างไร
อาการของโรคผิวหนังที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ อาการคัน (การระคายเคือง) เมื่อสุนัขคัน การแสดงออกของเขาไม่ได้มีแค่เอามือ/เท้า (ขาหน้า/ขาหลัง) เกาเหมือนในคนเท่านั้นครับ ยังมีในรูปแบบอื่นๆ เช่นเอาอวัยวะที่คันไปถูกับผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน การเลียหรือการใช้ฟันกัดหรือแทะตำแหน่งที่คัน ซึ่งระดับของการคันก็มีแตกต่างกัน ซึ่งอาจมีตั้งแต่คันเล็กน้อยแค่บางตำแหน่งของร่างกาย จนถึงมีอาการคันมากจนกัดแทะตัวเองจนผิวหนังเป็นแผลทั้งตัวก็ได้
ดังนั้น เจ้าของควรสังเกต “ความถี่และความรุนแรงของการเกา” แล้วช่วยประเมินเป็นระดับคะแนน 1-10 เพื่อจะได้ทำความเข้าใจให้ตรงกับสัตวแพทย์ และเพื่อที่จะได้เป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบผลการรักษา เมื่อได้เริ่มทำการรักษาไปแล้วด้วย ว่า “ดีขึ้นหรือแย่ลง” อย่างไรบ้าง ซึ่งจะแสดงถึงผลของการตอบสนองต่อการรักษาครับ
เรียนว่า การที่สัตว์เกา ถู เลีย หรือแทะตัวเองนั้น เป็นการกระทำเพื่อลดการระคายเคืองผิวหนัง บรรเทาอาการหงุดหงิด ความไม่สบายตัว และยังเป็นกลไกในการป้องกันตัวเองในการขจัดสิ่งแปลกปลอม เช่นปรสิตภายนอก หรือสิ่งที่เป็นพิษที่มาสัมผัสให้ออกไปจากร่างกายอีกด้วยครับ ดังนั้นเราต้องหาสาเหคุที่ทำให้เกิดการระคายเคืองนั้นและกำจัดหรือรักษาให้ตรงจุดครับ เพราะสาเหตุของการคันไม่ได้มาจากการเป็นขี้เรื้อนเสมอไป (เหมือนที่เจ้าของหลายคนมักจะสรุปไปแบบนั้น)
ในสัปดาห์หน้า เราจะมาทำความรู้จักสาเหตุของการคันผิวหนังอย่างจริงจังกันครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี