คลิปไวรัลจากสิงคโปร์ ที่มีภาพเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่น เอ อี ไอโอ ยู แต่แทนที่การนับเอ อี ไอ โอ ยูเสร็จแล้วคนที่นับหันหน้ากลับมาเช็คผู้เล่นทั้งหมด ว่าหยุดนิ่งหรือไม่ ตามกติกาปกติของเกม ปรากฏว่า ผู้เล่นทั้งหมดในเกมได้ทิ้งตัวลงบนพื้น และแสดงท่าทางการนอนเสียชีวิตเลียนแบบฉากในภาพยนตร์ชุด “สควิดเกม”(Squid Game) ซึ่งเปิดให้ชมทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มดูหนังออนไลน์Netflix กำลังกลายเป็นความกังวลใจของผู้ปกครองทั่วโลก
“ทางโรงเรียนสังเกตเห็นว่า เด็กนักเรียนเริ่มเลียนแบบสควิดเกมในรูปแบบของตัวเองในสนามเด็กเล่น และบางครั้งก็ทำให้บรรดาเด็กนักเรียนทะเลาะกัน ที่สำคัญในซีรี่ส์เรื่องดังกล่าวนั้น มีฉากรุนแรงปรากฏ และทำให้เด็กกำลังเริ่มแสดงพฤติกรรมเลียนแบบ ทางโรงเรียนจึงขอแจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่าสควิดเกมมีการกำหนดอายุของผู้ชมไว้ที่ 15+ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งไม่เหมาะสมกับเด็กวัยประถมศึกษา ดังนั้น หากนักเรียนคนใดทำการเลียนแบบ หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวตามซีรี่ส์เรื่องดังกล่าว ทางโรงเรียนจำเป็นต้องเรียกผู้ปกครองมาคุย และกำหนดบทลงโทษตามกฎระเบียบของโรงเรียน จึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครองทุกคนให้ช่วยระวังผลกระทบจากการดูซีรี่ส์สควิดเกมและให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในซีรี่ส์สควิดเกมเป็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดช่วยสนับสนุนการดำเนินการของโรงเรียน เพื่อให้ลูกหลานของพวกคุณปลอดภัย”
นี่เป็นรายละเอียดของจดหมายจากโรงเรียนประถมจอห์นแบรมสตัน (John Bramston) ประเทศอังกฤษ ที่แสดงความห่วงใยในกรณีคลิปไวรัลจากสิงคโปร์ ที่แสดงถึงอิทธิพลทางด้านลบของสควิดเกมต่อพฤติกรรมของเด็ก ซึ่งนอกจากโรงเรียนประถมจอห์นแบรมสตันแล้ว โรงเรียนประถมอื่นๆ ในอังกฤษ และทั่วโลก ก็เริ่มมีความตระหนักเกี่ยวกับพฤติกรรมเลียนแบบสควิดเกมของนักเรียนในสังกัด และออกมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรงตามมา
สำหรับ “สควิดเกม” นั้น เป็นเรื่องของคนจำนวน 456 คน ซึ่งหมดหวังกับชีวิต และมีหนี้สินมหาศาลจนถูกชวนให้เข้ามาร่วมการแข่งขันในเกมที่ดัดแปลงมาจาก “เกมของเด็กเกาหลีใต้” โดยมีความตายเป็นเดิมพัน กับเงินรางวัล 4.56 หมื่นล้านวอน หรือกว่า 1,200 ล้านบาท หากสามารถชนะผ่านทั้ง 6 เกมได้
แน่นอนว่า ภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้หน้าหนังคือการขายความรุนแรงผ่านรูปแบบเกมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับกลิ่นอายของวัฒนธรรมแห่งเกาหลีใต้ และความเป็นเด็ก ตรงนี้เองที่ทำให้ส่งผลกระทบไปถึงความกังวลของโรงเรียนประถมจอห์นแบรมสตัน และโรงเรียนประถมศึกษาอื่นๆ ทั่วโลก รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงในบางประเทศ เกี่ยวกับอันตรายจากพฤติกรรมเลียนแบบอันอาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่รู้เท่าทันของเด็ก เพราะถึงตรงนี้ก็คงต้องยอมรับว่า กระแสของภาพยนตร์ชุดสควิดเกม กลายเป็นที่สนใจในลำดับต้นๆ ของโลกออนไลน์ไปแล้ว และการเข้าไปชมภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักสำหรับเด็กในยุคที่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เนตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเช่นนี้
อีกประเด็นที่อาจเป็นความน่ากังวลใจอันมาจากกระแสของสควิดเกมก็คือ “ความเหลื่อมล้ำอันเกิดขึ้นอย่างเป็นปกติในสังคม” ซึ่งเป็นหัวใจที่ภาพยนตร์ชุดนี้ของ Netflix พยายามชี้ชวนให้สังคมทั่วโลกจับจ้องมาที่คุณภาพชีวิตของคนในระดับชนชั้นกรรมาชีพของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีระยะห่างอย่างมากกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนระดับชนชั้นสูงในประเทศดังกล่าวนี้หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง “พาราไซต์” (Parasites) ของผู้กำกับ “บง จุงโฮ” ก็ได้สั่นสะเทือนโลกด้วยการเปิดเผยความรันทดของกลุ่มคนในระดับชั้นที่ต่ำสุดของ “กรุงโซล” อันรุ่งเรืองออกไปจนสามารถชนะรางวัลภาพยนตร์ระดับโลกอย่างมากมาย และกลายเป็นกระแสความห่วงใยของโลกต่อการเลือกปฏิบัติในระดับชนชั้นทางสังคมที่ประเทศเกาหลีใต้ จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทางรัฐบาลกรุงโซล (The Seoul City Government) มีมติให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ประชาชน 1,500 ครัวเรือนซึ่งอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ชั้นกึ่งใต้ดินเหมือนกับในภาพยนตร์เรื่องพาราไซต์ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยแต่ละครอบครัวจะได้เงินประมาณ 3.2 ล้านวอน หรือประมาณ 83,000 บาท สำหรับซ่อมแซมระบบทำความร้อน เครื่องปรับอากาศ เครื่องลดความชื้น พัดลมระบายอากาศ ตลอดจนติดสัญญาณเตือนไฟไหม้ เป็นต้น
ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง (21 ต.ค. 2021) มีการรวมตัวของสมาชิกสหภาพแรงงานเกาหลีใต้ประมาณ 8 หมื่นคน รวมตัวกันประท้วงที่จัตุรัสควางฮวามุน ณกรุงโซล และในพื้นที่ต่างๆ อีก 12 เมืองของเกาหลีใต้ ด้วยการแต่งกายเลียนแบบตัวละครในภาพยนตร์ชุดสควิดเกม คือ ชุดจัมป์สูทสีแดงและหน้ากากสีดำ พร้อมสัญลักษณ์รูปเรขาคณิต
“พวกเรารู้สึกไม่ต่างอะไรกับตัวละครในสควิดเกม ที่ต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สิน ความไม่เป็นธรรมในสังคม และต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในสถานการณ์อันยากลำบาก เพื่อทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องในแต่ละวัน”
นี่เป็นเหตุผลที่ผู้ชุมนุมนัดกันแต่งตัวเลียนแบบตัวละครในสควิดเกมออกมาร่วมชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลชุดปัจจุบันให้แก้ไขกฎหมายอันเกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบหรือ Irregular worker อันหมายถึงแรงงานล่วงเวลา หรือแรงงานที่มีสัญญาระยะสั้น โดยที่ไม่มีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และไม่ได้รับสวัสดิการ ให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพื่อความเป็นธรรมกับแรงงานเหล่านั้น
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ความน่ากังวลทั้ง 2 ประเด็นตามที่นำเสนอมานี้ มาจากการสื่อสารผ่านภาพยนตร์ชุดเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ทั้งแง่มุมอันน่าหวาดหวั่น และแง่มุมแห่งการตื่นรู้ของสังคม จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นอิทธิพลที่มีอานุภาพมากของสิ่งที่เรียกว่า “Soft Power” หรือพลังแห่งการสื่อสารทางวัฒนธรรม ซึ่งไม่ว่าจะสะท้อนแง่มุมหรือความรู้สึกอันใดออกมาก็ตาม แต่อย่างน้อยก็พาทุกคนให้เกิดภาวะของการ “ฉุกคิด” และ “ไตร่ตรอง” ก่อนที่จะพาคนเหล่านั้นไปสู่การแสดงความเห็นด้วยหรือไม่ในขั้นตอนต่อไป
ทั้งหมดนี้ จะเป็นหัวใจสำคัญของการ “เริ่ม” และ “หยุด” อะไรก็ตามที่จะมีอิทธิพลต่อคน และสังคมโดยทั่วไป ที่สามารถมองเป็นความผลิบานร่วมกันก็ได้ หรืออาจใช้แค่สร้างการชี้นำทางการเมืองเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี