ม้าเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่เริ่มมีความนิยมมากขึ้นเนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์ในทางการกีฬาและสันทนาการต่างๆ เช่น การแข่งขันขี่ม้าทางไกล การขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวาง หรือการขี่ออกเทรลในไร่ในสวน ปัญหาที่มักพบได้บ่อยในม้าคือ ปัญหาเกี่ยวกับระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบย่อยอาหาร วันนี้เรามาคุยกันในเรื่องราวเกี่ยวกับ “ฟันม้า” ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบย่อยอาหาร โดยข้อมูลที่น่าสนใจจาก อ.น.สพ.ดร.ธีรพล ชินกังสดาร ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
ม้า เป็นสัตว์กินพืชที่เล็มหญ้า จะมีฟันที่มีลักษณะพิเศษที่ต่างจากสุนัขและแมวที่เรียกว่า “Hypsodont teeth” ซึ่งเป็นฟันชนิดที่มีการสึก (จากการเคี้ยว) และมีการเจริญเคลื่อนตัวขึ้นมาทดแทนอยู่ตลอดเวลาจดหมดอายุของฟัน ทำให้ลักษณะของหน้าตัดของฟัน รวมถึงตัวฟันมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เราจึงสามารถใช้ลักษณะที่เปลี่ยนไปของฟันนี้มาทำนายอายุของม้าได้ค่อนข้างแม่นยำ
ลักษณะการเคี้ยวอาหารของม้านั้น จะเป็นการหมุนวนไม่เป็นระนาบตรง ทำให้การสึกของฟันจะเกิดมุมที่แหลมคมเกิดขึ้นโดยฟันบนจะคมด้านกระพุ้งแก้ม ส่วนฟันล่างจะคมทางด้านลิ้น ซึ่งโดยธรรมชาติ ม้าจะใช้เวลาเกือบ 1 ใน 3 ของวันหมดไปกับการแทะเล็มหญ้าและบดเคี้ยว จะทำให้เกิดการสึกของผิวฟันตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการเลี้ยงดูมีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างไปจากสมัยก่อน ที่ผู้เลี้ยงไม่ได้ปล่อยทุ่งเกือบตลอดเวลาเหมือนในอดีต แต่จะเลี้ยงม้าในคอก ให้อาหารเม็ดที่มีพลังงานสูง ร่วมกับการตัดหญ้ามาให้กิน โดยมีการปล่อยลงแปลงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ ซึ่งการเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว จะทำให้ม้าใช้งานฟันลดน้อยลง เป็นผลให้การสึกของฟันไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดปัญหาฟันคมที่มากกว่าปกติ จนบาดกระพุ้งแก้มและลิ้น ส่งผลให้เกิดแผลหลุมในช่องปากได้
การแสดงออกของม้าที่สามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพฟันที่พบได้แก่ น้ำหนักตัวลดลงจากการเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี พบหญ้าเส้นที่มีความยาวมากกว่า 1 เซนติเมตร ในอุจจาระเนื่องจากการบดเคี้ยวที่ไม่สมบูรณ์ มีการคายหญ้าในขณะที่เคี้ยวเนื่องจากเจ็บแผลในช่องปาก ใบหน้าหรือคางบวมจากการติดเชื้อที่ตัวฟัน เกิดฝีหรือมีกลิ่นปาก
ในม้าที่ใช้งานขั้นสูงเชิงกีฬานั้น นักกีฬาหรือนักขี่ม้าจะสามารถรับรู้ความผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงจากการบังคับผ่านสายบังเหียนได้ เช่น ม้าจะมีการสะบัดหน้าในขณะบังคับ
กรณีที่ท่านเจ้าของม้าสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านม้า หรือทันตกรรมม้าโดยเฉพาะ เพื่อเข้าตรวจสุขภาพช่องปากโดยเร็ว
การตรวจสุขภาพฟันในม้า จะเริ่มจากการตรวจสุขภาพโดยรวม และการซักประวัติจากเจ้าของ โดยเฉพาะการใช้งาน การขี่ลักษณะอาหารที่กิน อาการต่างๆ ที่ม้าแสดงออก จากนั้นสัตวแพทย์จะทำการฉีดยาซึม (ที่คำนวณจากน้ำหนักตัว) และทำการตรวจร่างกายโดยทั่วไป รวมถึงตรวจการเคลื่อนที่ของฟันในทิศทางต่างๆ จากนั้นจะใส่อุปกรณ์เปิดปาก (Mouth gag) เพื่อทำการล้างช่องปาก และทำการตรวจโดยใช้ไฟตรวจฟัน กระจกส่องฟัน หรืออาจใช้กล้องส่องตรวจเฉพาะทางในช่องปากของม้า ซึ่งสามารถแสดงภาพให้เจ้าของเห็นจากมอนิเตอร์ และเข้าใจลักษณะของช่องปากม้าได้ดีขึ้น จากนั้นจะทำการบันทึกความผิดปกติลงในแบบบันทึกประวัติฟันของม้าแต่ละตัว
ความผิดปกติที่พบได้มากที่สุด (กว่าร้อยละ 80) คือ ภาวะฟันคมกว่าปกติที่ทำให้เกิดแผลในช่องปาก ซึ่งสามารถรักษาด้วยการตะไบฟันเพื่อลบคมนั่นเอง
ลักษณะของตะไบที่ใช้ จะต่างจากตะไบทั่วไป ซึ่งต้องปราศจากสนิม ไม่มีขอบคมที่จะบาดเนื้อเยื่ออ่อนอื่นๆ ขณะทำการรักษา สัตวแพทย์บางท่านอาจจะใช้ตะไบไฟฟ้า ที่จะสามารถลบคมได้อย่างรวดเร็ว และไม่เป็นอันตรายต่อม้า โดยการลบคมนั้น เราจะลบคมเฉพาะในส่วนที่มีความแหลมมากกว่าปกติ หรือที่ไม่ได้ระนาบ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บจากอุปกรณ์ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ในการตรวจและตะไบฟันม้า
นอกจากนี้สัตวแพทย์อาจพิจารณาการตรวจหรือรักษาเพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพทางรังสีวิทยา การทำความสะอาดร่องฟันการถอนฟัน หรือการรักษารากฟันแล้วแต่ความผิดปกติที่ตรวจพบ ซึ่งจะมาคุยให้ทราบเพิ่มเติมโอกาสต่อไปครับ
“หมอโอห์ม”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี