วันนี้ (1 มิ.ย.61) พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จ.เชียงใหม่ หนึ่งในคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช" โดยครั้งนี้ได้ระบุถึง "กรณีที่ได้โพสต์ข้อความที่เกี่ยวกับอดีตพระพุทธะอิสระ รวมถึงการจับกุมและจับสึกพระที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตเงินวัด" ไปก่อนหน้านี้จนได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย มีการแชร์และแสดงความคิดเห็นกันมากเป็นประวัติการณ์ทั้งตำหนิและชื่นชม รวมทั้งมีสื่อหลายค่ายนำไปเผยแพร่ต่อ
ส่วนข้อความที่โพสต์ล่าสุดในวันนี้มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า "การที่ตำรวจดำเนินการให้พระที่ต้องคดีอาญา ให้ลาสิกขาก่อนที่จะนำตัวไปฝากขัง ก็ถือว่าเป็นการดีการชอบแล้ว จะได้ไม่ทำให้เป็นมลทินต่อผ้ากาสาวพัสตร์ อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ จะให้ใครไปสวมใส่ผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ในคุกในฐานะผู้ต้องหา หรือนักโทษ ย่อมกระทำไม่ได้เด็ดขาด หากท่านมิได้กระทำผิดพระวินัยถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิก และในระหว่างที่ถูกฝากขัง ยังคงรักษาศีลของพระไว้ได้ ถ้าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า ท่านไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีโทษทางอาญา ท่านก็สามารถกลับมาห่มจีวรเป็นพระได้เหมือนเดิม โดยไม่จำเป็นต้องบวชใหม่ เว้นไว้แต่ในระหว่างที่ถูกฝากขัง ท่านไม่อาจรักษาศีลของพระไว้ได้ ถ้าเช่นนั้น จะทำการบวชใหม่ก็ควร... ดังนั้น พวกไหนที่พยายามออกมาพูดชี้นำบิดเบือนว่า การสึกพระผู้ใหญ่เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา พวกนี้น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน อาจมีเอี่ยวด้วยก็ได้"
สำหรับโพตส์ล่าสุดในเฟซบุ๊กของ "พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช" มีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้ .... "ถ้าใครได้อ่านโพสต์ก่อนหน้านี้ ที่เราพูดถึงพุทธอิสระ ก็คงจะเข้าใจเรื่องราวได้ดี เราเพียงแต่นำความจริงที่เรารู้เห็นในบางแง่มุมมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ได้เจตนาจะยกผู้ใด หรือข่มผู้ใด
แต่บทความคงจะไปโดนใจกระแทกใจใครหลาย ๆ คน จึงเกิดการกดไลค์กดแชร์กันมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งสื่อดังก็นำไปลงด้วย อาทิ ผู้จัดการ แนวหน้า ทีนิวส์ ผลปรากฏว่ายอดกดไลค์กดแชร์เพิ่มขึ้นกว่าปกติแบบถล่มทลาย ยอดไลค์ 3.3K ยอดแชร์ 2K เราเองก็โดนแจ็คพ็อต ถูกคนเกลียดพุทธอิสระฟาดซะน่วมไปเลย
มีคนบอกเราว่า เรานี้ช่างเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้อย่างไร? โอ้! น้อ ให้ตายเถอะโรบินส์ ฟังแล้วก็ขำดี ก็ปล่อยให้เขาว่าไป บางคนก็ว่าแรงกว่านี้อีก ใครอยากด่าอยากว่าอะไร มีแรงเท่าไรก็ให้เขาว่าไปเถอะ อย่าไปหวง อย่าไปห้าม เพราะถึงจะหวงจะห้าม ก็ห้ามเขาไม่ได้ ถือเสียว่า เป็นการเสียสละเพื่อทำทานชั้นสูงก็แล้วกัน คือ ทานความโลภ ความโกรธ ความหลงออกจากใจไปเสีย ขืนแบกเอาไว้เยอะ ๆ มันก็เหนื่อยหนักไม่ใช่เล่น
ถ้าใจเราไม่ไปเก็บเอาคำพูดของเขามาคิดมาปรุงมาแต่งมาสร้างเรื่องขึ้นใหม่ที่ใจ ใจมันก็เพียงแค่รับรู้สักแต่ว่า รู้แล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง
มันทำให้หวนระลึกนึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์เองก็ยังถูกคนด่า จนพระอานนท์ทนไม่ได้ กราบทูลให้พระพุทธองค์เสด็จไปอยู่เมืองอื่น พระพุทธองค์ทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า ถ้าไปเมืองอื่นแล้วถูกเขาด่าอีกเล่า อานนท์จะทำอย่างไร? ก็ไปเมืองอื่นอีกพระเจ้าข้า อย่าเลยอานนท์ ถ้าทำอย่างนั้น แผ่นดินนี้จะไม่มีที่ว่างให้อานนท์อยู่ เพราะที่ที่ปราศจากการสรรเสริญนินทาย่อมไม่มีในโลก
ที่จริงบทความที่โพสต์อันนั้น ก็สาธยายไว้ชัดเจนมากทีเดียว ทั้งมีเหตุมีผลถูกต้องเป็นอรรถเป็นธรรม แต่คนประเภทปทปรมะ ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ มิหนำซ้ำ ยังเข้าใจผิดไปแบบเตลิดเปิดเปิง ชนิดกู่ไม่กลับ คงเป็นเช่นนี้กระมังที่พระพุทธองค์ทรงชักสะพาน คือไม่สอนให้เสียเวลา คงสอนได้แต่เฉพาะ ๓ จำพวกแรกเท่านั้น คือ
๑. อุคฆฏิตัญญู ดอกบัวเหนือน้ำ เพียงต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบาน
๒. วิปจิตัญญู ดอกบัวปริ่มน้ำ จะบานในวันถัดไป
๓. เนยยะ ดอกบัวใต้น้ำ ยังมีโอกาสจะบานได้อยู่ แต่ยังต้องอีกหลายวัน
๔. ปทปรมะ ดอกบัวในโคลนตม ไม่มีโอกาสที่จะบานเลย ต้องตกเป็นอาหารของเต่าและปลา
ณ ตอนนี้ชาวพุทธต้องทำความเข้าใจระหว่างคำว่า พระอลัชชี คือพระที่ทำชั่วโดยไม่ละอายใจ กับ พระพุทธศาสนา คือคำสั่งสอนของท่านผู้รู้ดีรู้ชอบ คือพระพุทธเจ้า
ชาวพุทธต้องรู้จักแยกแยะให้ออก เพราะมีหลายคนพยายามพูดให้คนเข้าใจผิดว่า พระอลัชชี คือ พระพุทธศาสนา ทั้งพยายามสื่อให้คนเข้าใจผิดว่า การกำจัดพระอลัชชี คือการทำลายพระพุทธศาสนา หากปล่อยให้มีการสึกพระผู้ใหญ่ได้โดยง่าย ศาสนาพุทธคงสูญสิ้นไปจากเมืองไทย
การสึกพระผู้ใหญ่นั้น ถ้าท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในพระธรรมวินัย ก็ไม่มีทางที่ใคร ๆ จะไปสึกท่านได้ นอกจากท่านจะเปล่งวาจาลาสิกขาด้วยตัวท่านเองเท่านั้น
เพราะเหตุที่ท่านไม่ได้ประพฤติผิดพระวินัยถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิก ความเป็นพระก็ยังสมบูรณ์อยู่ และถ้าไม่ประพฤติผิดพระวินัย ก็ไม่มีทางที่ท่านจะทำผิดกฎหมายได้เลย เพราะพระวินัยละเอียดกว่ากฎหมาย
แต่ถ้าถึงขั้นที่ตำรวจขอศาลออกหมายจับเพราะมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย มันก็ต้องล่วงละเมิดพระวินัยไปล่ะ ทางตำรวจเขาก็ต้องมีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิด เขาจึงขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับได้ ก็เป็นไปได้ว่า ท่านต้องประพฤติผิดพระวินัยข้อใดข้อหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนจะผิดพระวินัยระดับไหน ก็ต้องไปสอบสวนกันอีกที จนกว่าจะรับสารภาพ หรือยอมจำนนต่อหลักฐาน
ดังนั้น การที่ตำรวจดำเนินการให้พระที่ต้องคดีอาญา ให้ลาสิกขาก่อนที่จะนำตัวไปฝากขัง ก็ถือว่าเป็นการดีการชอบแล้ว จะได้ไม่ทำให้เป็นมลทินต่อผ้ากาสาวพัสตร์ อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ จะให้ใครไปสวมใส่ผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ในคุกในฐานะผู้ต้องหา หรือนักโทษ ย่อมกระทำไม่ได้เด็ดขาด
หากท่านมิได้กระทำผิดพระวินัยถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิก และในระหว่างที่ถูกฝากขัง ยังคงรักษาศีลของพระไว้ได้ ถ้าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า ท่านไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีโทษทางอาญา ท่านก็สามารถกลับมาห่มจีวรเป็นพระได้เหมือนเดิม โดยไม่จำเป็นต้องบวชใหม่ เว้นไว้แต่ในระหว่างที่ถูกฝากขัง ท่านไม่อาจรักษาศีลของพระไว้ได้ ถ้าเช่นนั้น จะทำการบวชใหม่ก็ควร
แต่ถ้าตอนที่ยังเป็นพระอยู่ คือตอนก่อนถูกออกหมายจับ หากท่านต้องอาบัติปาราชิกก่อน แม้ไม่ได้กล่าวคำลาสิกขา ก็ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว หากศาลตัดสินว่า ผิดจริง ต้องโทษจำคุก ถึงแม้พ้นโทษแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีกเลยตลอดชีวิต มันมีความต่างกันอย่างนี้
และจงเข้าใจอาบัติปาราชิกข้อลักทรัพย์เสียให้ถูกต้องดังนี้ คือ ทรัพย์นั้นต้องมีราคาตั้งแต่ ๕ มาสก ขึ้นไป ทรัพย์นั้นมีเจ้าของหวงแหนอยู่ ภิกษุก็รู้อยู่ว่าเจ้าของเขาไม่ได้ให้ ภิกษุนั้นมีไถยจิตคิดที่จะเอามาเป็นของตัว ทำความพยายามที่จะเอา พอทรัพย์นั้นเคลื่อนจากที่ ภิกษุนั้นก็เป็นปาราชิกสมบูรณ์ คือขาดจากความเป็นพระทันที
ทรัพย์ ๕ มาสก นั้น ท่านเทียบราคาเท่ากับทองคำน้ำหนัก ๒๐ เมล็ดข้าวเปลือก ใครลองเอาเมล็ดข้าวเปลือก ๒๐ เมล็ดไปชั่งดู ได้น้ำหนักเท่าไร ก็คือน้ำหนักทองคำเท่านั้น เป็นมูลค่า ๕ มาสก ไม่ใช่มีค่าแค่เงิน ๑ บาท อย่างที่พูดกันไปผิด ๆ
ดังนั้น พวกไหนที่พยายามออกมาพูดชี้นำบิดเบือนว่า การสึกพระผู้ใหญ่เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา พวกนี้น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน อาจมีเอี่ยวด้วยก็ได้ ลองสืบ ๆ ดูกันเอาเอง
พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในธรรมในวินัย ท่านไม่เดือดร้อนด้วยหรอก เพราะท่านไม่มีทางที่จะทำผิดกฎหมาย เพราะพระวินัยละเอียดกว่ากฎหมาย กฎหมายเอื้อมมือไปแตะต้องท่านไม่ได้
ชาวพุทธจงเฝ้าดูต่อไปเถิด จงอย่าหลงเชื่อพวกที่ชอบยุแหย่หลอกลวงให้เข้าใจผิด และสับสน เป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาท สร้างความแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ ด้วยกัน อันนี้ต่างหากที่จะทำลายพระพุทธศาสนา จงตั้งสติ ดู ฟัง อย่างใคร่ครวญ อย่าเชื่ออะไรแบบเลื่อนลอย จงตรวจสอบดูที่ไปที่มาของข่าวสารให้ชัดแจ้งเสียก่อนว่าเป็นข้อมูลจริง
เพชรแท้ย่อมไม่กลัวการเจียระไนของนายช่างฝีมือดี ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟลน
ใครจะผิด ใครจะถูก ใครจะดี หรือใครจะชั่ว ก็หนีไม่พ้นที่ธรรมท่านสอนไว้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำดีก็ได้ดีเอง ใครทำชั่วก็ได้ชั่วเอง บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่ว หาได้ไม่
ดังนั้น ศาสนาพุทธ จะเจริญหรือเสื่อมก็อยู่ที่ใจของชาวพุทธจะทำตัวเองต่างหาก คนอื่นมาทำให้ศาสนาพุทธเจริญหรือเสื่อมหาได้ไม่
ถ้าใจของชาวพุทธยังมีศีลมีธรรมอยู่ตราบใด ศาสนาพุทธก็ยังเจริญอยู่ในใจของชาวพุทธอยู่ตราบนั้น
ถ้าใจของชาวพุทธไร้ศีลไร้ธรรมอยู่ตราบใด ศาสนาพุทธก็เสื่อมไปจากใจของชาวพุทธอยู่ตราบนั้น
มิพักต้องรอถึง ๕๐๐๐ ปี นั่น ท่านหมายถึงอายุของศาสนาพุทธโดยรวมต่างหาก
ดังนั้น ถ้ามีพระภิกษุละเมิดพระวินัยอย่างร้ายแรง ถึงขั้นทำผิดกฎหมาย หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา จะเป็นพระผู้ใหญ่หรือเป็นพระเด็ก ๆ จะถูกจับให้ลาสิกขาไป จะกี่ร้อยกี่พันองค์ ก็ไม่ทำให้ศาสนาพุทธต้องเสื่อมไปจากใจของชาวพุทธได้
แต่ศาสนาพุทธย่อมเสื่อมไปจากใจของพระที่ล่วงละเมิดพระวินัย เหล่านั้น แน่นอนนัก
ชาวพุทธจงอย่าได้สับสน ศาสนาพุทธจะเสื่อมไปจากใจของใครอย่างไร ก็ช่างเขาเถอะ แต่จงระวังอย่าให้ศาสนาพุทธต้องเสื่อมไปจากใจของพวกเราแต่ละคนก็พอ
จงรักษาศาสนาพุทธ คือพระธรรมวินัย อันได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ ที่มีอยู่ในใจของพวกเราชาวพุทธทุกคนไว้ให้ดี ๆ เพราะนั่นคือ สมบัติอันล้ำค่ากว่าสมบัติใด ๆ ในโลก
หากใจใดไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา สถิตอยู่เลย ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธ ก็เป็นชาวพุทธแต่ชื่อเท่านั้นเอง
ขอให้ชาวพุทธจงเป็นชาวพุทธอย่างเต็มภาคภูมิด้วยการน้อมนำเอา ศีล สมาธิ ปัญญา มาเป็นเครื่องประดับของใจ เพราะใจเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ตลอดเวลา เพราะเราเป็นผู้เดียวที่จะสามารถปลดเปลื้องทุกข์ให้หมดจากใจของเราได้ คนอื่นไม่มีใครช่วยได้
ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้ใจต้องจมอยู่แต่ในปลักโสมมของกิเลส แล้วถูกกิเลสตัวสกปรก ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง มันบดขยี้ทำร้ายจิตใจของเราให้ต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกนานแสนนาน"
..............................
ข่าวที่เกี่ยวข้องคลิก
'ศิษย์หลวงตาบัว'ชี้พระที่ปฏิบัติอยู่ในกรอบแห่งพระธรรมวินัย 'ไม่มีทางทำผิดกฎหมาย'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี