“ดินถล่ม” (Landslide) หรือบางครั้งก็เรียก “โคลนถล่ม” ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี ให้นิยามว่าหมายถึงการเคลื่อนที่ของมวลดินหรือหินลงมาตามลาดเขาด้วยอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งการเกิดดินถล่มนั้น “น้ำ” เป็นปัจจัยสำคัญ โดยน้ำเป็นตัวลดแรงต้านทานในการเคลื่อนตัวของมวลดินหรือหิน และยังทำให้คุณสมบัติของดินเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของไหล เห็นได้จากในพื้นที่ภูเขาเมื่อเกิดฝนตกหนักก็มักจะมีดินถล่มตามมาด้วย
ดังเรื่องเศร้าสลดเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา เกิดเหตุดินถล่มที่บ้านห้วยขาบ หมู่ 7 ต.บ่อเกลือเหนือ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ศพ และ 7 ใน 8 ศพนี้เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน นอกจากนี้ทางการยังต้องสั่งปิดหมู่บ้านหลังตรวจพบรอยแยกบนเขา หากให้ประชาชนรีบกลับเข้าไปอยู่อาศัยอาจเกิดเหตุซ้ำรอย ทั้งนี้เมื่อ 21 ส.ค. 2561 มีรายงานว่า ชาวบ้านอาจต้องย้ายถิ่นถาวรไปอยู่ที่บริเวณบ้านสว้าเหนือ ต.ดงพญา ห่างจากหมู่บ้านเดิม 3 กิโลเมตร โดยมีหลายหน่วยงานให้ความช่วยเหลือ
รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ หน่วยวิจัยดินถล่ม ศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวในเวทีเสวนา “ดินถล่มและระบบเตือนภัยในประเทศไทย” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่เสี่ยง โดยหากย้อนเวลากลับไปจะพบว่าดินถล่มไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เกิดขึ้นซ้ำๆ และประเทศไทยมีพื้นที่รอถล่มอยู่จำนวนมาก “ภูเขา-พื้นที่ขุดดิน” ล้วนอันตราย
สำหรับดินถล่มตามธรรมชาติจะเกิดในช่วงรอบ 5-6 ปีต่อครั้ง “ส่วนใหญ่เกิดในภาคเหนือและภาคใต้” เพราะภูมิประเทศและธรณีวิทยาเอื้ออำนวยมากกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ยังเกิดจากการกระจายตัวของหินซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิต อ่อนไหวต่อการถล่ม และสัมพันธ์ค่อนข้างชัดเจนกับแนวรอยเลื่อนมีพลัง เพราะมีการเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ที่มีความชันสูง ดินสลายตัวเร็วกว่าตำแหน่งอื่น
ส่วนการตัดต้นไม้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฝนที่ตกไม่มากนักเกิดการถล่มได้ แต่ฝนตกหนักและมีต้นไม้เยอะก็เสียหายได้เพราะเป็นธรรมชาติ เพียงแต่ตัดต้นไม้จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการถล่มเร็วขึ้น บางครั้งเป็นการไหลลงไปในร่องน้ำที่ทางวิชาการเรียกว่า “น้ำขุดเอาดินออกมา” ในฤดูฝนถนนบนภูเขามักจะขาดและถล่ม จึงต้องแก้ไขที่มาตรฐานซึ่งแก้ยาก การทำถนนอนุญาตให้ตัดลาดชันมากที่สุด 45 องศา กรณีที่ตัดแล้วดินยังแห้งก็ไม่พัง แต่ถ้าฝนตกดินชุ่มก็ถล่ม จึงต้องใช้เครื่องมือทางวิศวกรรมให้เกิดความปลอดภัย
ต้องเข้าใจโครงสร้างทางวิศวกรรมว่ามีการใช้งานและบำรุงรักษา เมื่อลาดชันหมดอายุและผุพังก็ต้องมีการบำรุงรักษา ไม่ควรรอให้พังแล้วซ่อมแซม บางพื้นที่ เช่น ดอยช้าง จ.เชียงราย มีหมู่บ้านที่คนอาศัยอยู่ถึง 6,000 คน กำลังขยับตัวลงไปที่ตีนดอยปีละ 50 เซนติเมตร ต้นไม้เอียง ถนนแยก กำแพงแยกพาบ้านลงไปด้วยทั้งที่ชันเพียง 10 องศา มวลดินเก่าเดิมที่เคยถล่มจากภูเขาด้านบน พื้นที่แบบนี้มีอยู่มาก บางแห่งเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญก็อันตราย
“พื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ซึ่งเป็นภูเขาที่มีแนวรอยเลื่อนตัดที่ซับซ้อนต่างจากที่อื่น สิ่งที่พบคือ จุดที่ถล่มเป็นชั้นหินทรายกับหินทรายแป้งเป็นชั้นๆ ชาวบ้านแจ้งว่าเคยเป็นถ้ำมาก่อน ฝนตกลงมาน้ำซึมลงไปตามพื้นที่รับน้ำบนภูเขาหินทรายซึ่งชันกว่าที่อื่น กัดไปเรื่อยๆ จนชะง่อนพัง พบว่ามีหินก้อนใหญ่กลมมนค้างอยู่บนเขา แปลว่าพังมานาน กับหินสี่เหลี่ยมที่แสดงว่าเพิ่งพัง พื้นที่นี้จึงเคยเกิดดินถล่มมาก่อน และในอนาคตก็จะมีตะไคร่ขึ้น จัดเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มเดิม ชาวบ้านควรย้ายออก นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากต้นไม้เอียงที่เติบโตขึ้นในแนวดิ่ง ที่แปลว่าเคยเกิดดินถล่มมาก่อนหน้านี้” อาจารย์สุทธิศักดิ์ ระบุ
ผู้เชี่ยวชาญด้านดินถล่มผู้นี้ เสนอแนะว่า สิ่งที่ควรคิดต่อไปในอนาคตคือ “ต้องมีระยะเว้นจากเชิงเขาห่างออกไปตามทฤษฎีเท่ากับความสูง” เช่น ความสูงบนเขา 5 เมตร ต้องเว้นระยะ 5 เมตร ทั้งนี้ได้หารือกับนายอำเภอเรื่องการย้ายพื้นที่หมู่บ้านออกไปจากจุดเสี่ยง และหาพื้นที่ทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งชาวบ้านต้องการอยู่ใกล้พื้นที่ทำกิน ทำลาดชันให้ดีขึ้น และระวังปัญหาเรื่องลมพายุ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของพื้นที่ด้วย
ขณะที่ นิวัติ บุญนพ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ยืนยันอีกเสียงว่า “พื้นที่บ้านห้วยขาบ อ.บ่อเกลือ ไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย” ควรหาพื้นที่อยู่ใหม่ และจัดระบบเฝ้าระวังเตือนภัยของหมู่บ้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเตรียมรับมือเหตุการณ์ที่พร้อมจะเกิดขึ้นเมื่อมีฝนตกติดต่อกัน โดยตั้งแต่ปี 2560 ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาค ตัวแทนรายลุ่มน้ำ 30 ลุ่มน้ำ เพื่อกระจายองค์ความรู้แก่เครือข่ายรอบนอก ขณะนี้จัดตั้งสำเร็จแล้ว 7 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำกก ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำทางตะวันออกที่ระยอง ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำตาปี และที่นครศรีธรรมราช
“ที่ภูชี้ฟ้าพบว่าสภาพธรณีวิทยาพบร่องรอยดินถล่มโบราณเช่นกัน ภูเขาปูนถูกแปรสภาพเป็นหินอ่อน เมื่อผุพังกลายเป็นดินเหนียวปนทรายแป้งชั้นหนา พังถล่มได้ง่าย ที่ภูทับเบิกมีสภาพเป็นงูเลื้อยขึ้นไปบนไหล่เขา ช่วงที่เกิดปัญหาเกิดรอยแยกบนถนนคล้ายขั้นบันได้ มีการเลื่อนไถลของแผ่นดิน เป็นดินที่อ่อนแอและมีการเสียสภาพของความสมดุลของดินใต้ถนน ด้านการเฝ้าระวังได้ให้คนในหมู่บ้านใช้กระบอกวัดน้ำฝน โดยพื้นที่ด้านล่างวัดทุก 24 ชั่วโมง ถ้าวัดได้ 100 มิลลิเมตร ให้เก็บของ ถ้า 150 เตรียมย้ายของหนีภัยขึ้นไปด้านบน ถ้าได้ถึง 180 มิลลิเมตร” นิวัติ กล่าว
ด้าน สุธาสินี อาทิตย์เที่ยง วิศวกรโยธาปฏิบัติการ สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังร่างกฎหมายเกี่ยวกับดินถล่ม โดยข้อมูลทางวิชาการจะถูกนำไปอ้างอิงในการกำหนดมาตรการแต่ละพื้นที่ ทั้งพื้นที่เสี่ยงภัยระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล มาตรการหลักในทางวิศวกรรมจะมีการกำหนดการก่อสร้าง ลักษณะอาคารต้องห่างจากบริเวณดินถล่ม สร้างกำแพงคันดิน
ส่วนมาตรการทางกฎหมายต้องกำหนดความลาดชันที่เหมาะสม บริเวณที่ห้ามก่อสร้าง ข้อบังคับมาตรการการป้องกันการพังทลายของสิ่งปลูกสร้าง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง มาตรการการพังลายของดิน การขุดดิน ถมดินที่ถูกต้อง ไม่กีดขวางทางน้ำ ซึ่งจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการควบคุมอาคาร ส่งต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อกำหนดกฎหมายต่อไป
ส่วนที่จะทำได้เร็วเพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตาม คือ มาตรฐานก่อสร้างอาคารบริเวณเชิงเขาให้ปลอดภัย วิเคราะห์ความมั่นคงของพื้นที่ ป้องกันการพังทลายสำหรับพื้นที่ลาดเชิงเขา ติดตั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือเตือนภัย!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี