กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่เพียงแต่มีความสำคัญกับคนไทยในฐานะเมืองหลวงและศูนย์รวมเศรษฐกิจ ที่มีผู้คนใช้ชีวิตอยู่กว่า 10 ล้านคนเท่านั้น ยังเป็น 1 ในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่นักท่องเที่ยวนานาชาติมาเยือน และมีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้น รวมถึง “การเดินทาง” จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกรุงเทพฯ มีระบบขนส่งมวลชนที่หลากหลายไม่ว่ารถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แท็กซี่และอื่นๆ
แต่ที่ผ่านมา “รถเมล์” หรือรถประจำทางนั้นมีเสียงบ่นจากผู้ใช้บริการเป็นประจำ บางเรื่องเป็นเหตุสุดวิสัย เช่น รถมาช้าซึ่งอาจเป็นเพราะการจราจรติดขัดแล้วรถเมล์ก็ไม่ได้แยกทางวิ่งออกจากยานพาหนะอื่นๆ หรือกรณีรถร่วมเอกชนที่ขับเร็วแย่งผู้โดยสาร - จอดแช่ป้ายรอผู้โดยสาร มุมหนึ่งก็น่าเห็นใจเพราะระบบรถร่วมจำนวนมากคนขับและกระเป๋าไม่มีเงินเดือนประจำ หรือมีแต่น้อยมาก กระตุ้นให้ต้องหารายได้หลักจากส่วนแบ่งค่าโดยสาร
อย่างไรก็ตาม สำหรับรถโดยสารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นองค์กรที่รัฐให้การสนับสนุนคือ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แม้เสียงบ่นจะไม่หนาหูมากเท่าฝ่ายรถร่วมเอกชนซึ่งก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะพนักงาน ขสมก. ได้เงินเดือนเบี้ยเลี้ยง และสวัสดิการดีกว่าพนักงานฝั่งรถร่วมเอกชน ทำให้ไม่ต้องไปคาดหวังกับส่วนแบ่งค่าโดยสารเป็นหลักจนกระทบการให้บริการ แต่ก็ยังมีข้อร้องเรียนคือ “รถกะดึก” ที่วิ่งระหว่างเวลา 23.00-04.00 น. มักใช้ความเร็วสูงและไม่จอดรับผู้โดยสารตามป้ายระหว่างทาง
“สกู๊ปแนวหน้า” สำรวจพื้นที่กรุงเทพฯ ยามค่ำคืนเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว พูดคุยกับประชาชนในเรื่องนี้ เช่น “พี่ดาว” หนุ่มวัย 43 ปี อาชีพช่างไฟฟ้าซึ่งพบเจอแถว “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” คุณพี่หน้าเข้มท่านนี้เล่าว่า รถเมล์ที่พบในยามดึกมักจะเป็นรถเมล์ร้อนสีครีมแดงของ ขสมก. ปัญหาที่เจอบ่อยๆ คือหลายคันจะไม่ค่อยจอดแม้ที่ป้ายมีคนโบก หรือบางครั้งต้องพยายามวิ่งตามจึงจะยอมจอดรอ ซึ่งมักมาพร้อมๆ กับการขับด้วยความเร็วสูง
“เคยเจอครั้งหนึ่งนั่งรถจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปแถวๆ บางกะปิ รถประตูไม่ค่อยดีเท่าไร ปิดไม่สนิท คนยืนในรถก็เยอะแต่ก็ยังขับเร็ว กลัวคนจะล้มหรือตกรถเหมือนกัน ถามว่าอยากบอกอะไรกับ ขสมก. ก็อยากบอกว่าขับช้าลงหน่อยดีกว่า เน้นความปลอดภัย โดยส่วนตัวผมว่าถึงบ้านช้าหน่อยแต่สามารถจอดรถรับผู้โดยสารขึ้นได้ทุกป้าย ไม่ขับเร็วปาดซ้ายปาดขวาคงจะดี” หนุ่มวัย 43 ปี รายนี้ กล่าว
จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เราเดินทางต่อไปยัง “โบ๊เบ๊ - มหานาค” ที่นี่เป็นอีกย่านหนึ่งที่ไม่เคยหลับ เพราะเป็นร้านค้าและตลาดสดขนาดใหญ่ที่เปิด 24 ชั่วโมง “พี่หลิน” แม่ค้าเสื้อผ้าวัย 40 ปี รายนี้ระบายความรู้สึกอัดอั้นเนื่องจากเจอมาสารพัดทั้งโบกแล้วไม่ยอมจอดจนต้องพยายามวิ่งตาม แถมยังขับเร็วจนเวลาลุกเดินไปที่ประตูเตรียมจะลงจากรถบางครั้งพอเบรกก็แทบจะล้มหัวทิ่มหัวตำ
“เราไม่แปลกใจนะที่ทำไมหลายคนยอมซื้อยอมผ่อนรถส่วนตัวถอยมาใช้ทั้งที่เงินเดือนก็ไม่ได้สูง อย่างตัวเองทุกวันนี้ไปไหนมาไหนตอนกลางคืนก็เรียกแต่แท็กซี่อย่างเดียว คือโบกแล้วไม่จอด ขับเลยไป มันเสียความรู้สึกไงเลยตัดปัญหาไม่ขึ้นแล้วรถเมล์ตอนดึกๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะมาขับรถ จะเอารถออกมาวิ่งทำไม เพราะวิ่งไปก็ไม่ยอมรับคน” พี่หลิน ระบุ
เช่นเดียวกับ “เป้อ” หนุ่มน้อยวัย 17 ปี กำลังจะขึ้นชั้น ม.6 ที่เราพบในเช้าวันต่อมาแถวๆ ย่าน “บางแค- เพชรเกษม” เขาเล่าว่าเคยมีประสบการณ์ต้องขึ้นรถเมล์กะดึกเป็นเวลานานเพราะไม่จอดอยู่หนหนึ่ง โดยวันนั้นรอรถเมล์อยู่บริเวณย่าน “บางไผ่” ถ.เพชรเกษม ขาออก พยายามโบกแล้วกลับเลยผ่านไป ทั้งที่เมื่อมองขึ้นไปบนรถก็เป็นเพียงรถโล่งๆ แทบไม่มีผู้โดยสาร “ยามวิกาลขอให้เน้นความปลอดภัยไว้ก่อนอย่างตอนกลางคืนป้ายรถเมล์หลายจุดมันก็เปลี่ยว” ถ้ายืนคนเดียวก็น่ากลัว
ทางด้าน สมควร นาสนม ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ 1 ขสมก. กล่าวถึงข้อร้องเรียนกรณีรถกะดึก (หรือกะสว่าง) ขับเลยป้ายไม่จอดรับผู้โดยสาร ว่า รถเมล์ในช่วงเวลานี้จะมีเวลาออกแน่นอน เช่น 15 นาทีคันหนึ่งบ้าง 30 นาทีคันหนึ่งบ้าง ดังนั้นหากผู้โดยสารรอรถเมล์ที่ป้ายแล้วไม่ได้ขึ้นก็จะต้องรอนานทบเวลาต่อไปอาจเป็นชั่วโมง ซึ่งหากมีข้อร้องเรียนประกอบข้อมูลว่าเป็นรถสายใด ทะเบียนอะไร วิ่งเวลาไหน ก็จะมีการเรียกพนักงานขับรถมาสอบสวนและดำเนินมาตรการทางวินัยตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักต่อไป
“รถเมล์กะสว่างคนขับหรือกระเป๋าเขาจะรู้เรื่องผู้โดยสารประจำ เท่าที่พูดคุยเขาจะทราบว่าผู้โดยสารประจำนั้นอยู่ตรงไหน เขาก็ออกตามเวลา แต่ก็มีบ้าง อยากให้ไล่มาเป็นสายๆ แล้วจะไปกวดขันกัน ไปตรวจสอบดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ขอให้แจ้งมาที่ Call Center ขสมก. 1348” ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ 1 ขสมก. กล่าว
รายงานของกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยสถิติการรับเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ โทร. 1584 ในช่วง 3 ปีงบประมาณล่าสุด (2559 - 2561) ในประเด็น “ไม่หยุดรับ - ส่งผู้โดยสารที่ป้าย” กรณีรถในสังกัด ขสมก. พบว่า ในปีงบประมาณ 2559 (ต.ค. 2558 - ก.ย. 2559) มีเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 894 ครั้ง ปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 2559 - ก.ย. 2560) 410 ครั้ง และปีงบประมาณ 2561 (ต.ค. 2560 - ก.ย. 2561) 706 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม รายงานสถิติข้างต้นยังไม่อาจสรุปในเชิงกล่าวโทษไปที่ ขสมก. ได้ทั้งหมดเสียทีเดียว เนื่องจากนิยาม “รถ ขสมก.” ในรายงานไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหมายถึงรถประจำทาง (รถเมล์) เฉพาะที่ ขสมก. ดำเนินการโดยตรง (ใช้พนักงานขับรถ - พนักงานเก็บค่าโดยสารของ ขสมก.) เท่านั้น หรือรวมถึงรถประจำทางที่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของ ขสมก. (รถเอกชนร่วมบริการ) ด้วย อีกทั้งไม่ได้บอกว่าเกิดขึ้นในเวลาใดบ่อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นเมื่อมีเสียงสะท้อนจากประชาชนผ่านมา ก็ต้องขอให้ทาง ขสมก. ช่วยตรวจสอบและกวดขัน
เพราะการรอรถเมล์ตอนกลางคืน โดยเฉพาะช่วงดึกๆ การพลาดไม่ได้ขึ้นรถนอกจากจะต้องเสียเวลารอรถคันต่อไปที่ค่อนข้างนานประกอบกับไม่มีทางเลือกอย่างการไปขึ้นรถสายอื่นเหมือนตอน
กลางวันแล้ว ยังอาจต้องเสี่ยงอันตรายจากมิจฉาชีพอีกต่างหาก!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี