เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 เนื่องในโอกาสที่ “คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ค.2562” โดยแบ่งเป็นนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อ ซึ่งในส่วนของนโยบายเร่งด่วนนั้นในข้อแรกคือ “การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน” โดยในตอนหนึ่งระบุว่า “ทบทวนรูปแบบและมาตรฐานหาบเร่แผงลอยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อยังคงเอกลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งร้านอาหารริมถนน” เอาไว้นั้น
นายพงษ์ศิลป์ หลี่อินทร์ กรรมการเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไว้ในประเด็นเมื่อรัฐบาลหรือพรรคการเมืองใดมีแนวคิดให้การรับรองหาบเร่แผงลอยเป็นอาชีพที่ถูกต้อง มักจะมีเสียงต่อต้านหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเสมอ โดยเฉพาะจากกลุ่ม “ชาวตลาดบน” หรือชนชั้นกลางค่อนบนขึ้นไปจนถึงคนร่ำรวยที่ “เห็นว่าผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเป็นปัญหาสังคม” ว่าแท้ที่จริงแล้วอาชีพหาบเร่แผงลอยมีประโยชน์อย่างไรกับเศรษฐกิจไทย และเหตุใดบรรดาตลาดบนต้องเข้าอกเห็นใจ ดังนี้
- ทำไมชาวตลาดบน (ชนชั้นกลางค่อนบนจนถึงคนร่ำรวย) ต้องเข้าอกเห็นใจผู้ค้าหาบเร่แผงลอย? : พวกเราไม่ได้มั่นคงแบบท่าน ท่านต้องมองตรงนี้เป็นหลักก่อน ถ้าท่านมั่นคงแล้วอย่าเอาตัวเองที่มั่นคงมาเปรียบเทียบกับคนที่เขาไม่มั่นคง มันเป็นประเด็นย้อนแย้ง ลองคุณมาเป็นเรา จากเมื่อก่อนเราค้าขายกัน เราถือว่ามีความมั่นคงในระดับหนึ่ง พอเราถูกไล่เลิก ความมั่นคงของเราไม่มีแล้ว ไม่ใช่เฉพาะตัวเราที่ค้าขาย เรามีลูก มีพ่อแม่ต้องดูแล มีบ้านมีรถที่ต้องผ่อน ถ้าเงินเหล่านี้เราไม่ได้หาจากตรงนี้มาใช้จ่ายตรงนี้ เราไม่มีความมั่นคง
เมื่อเราไม่มีความมั่นคง ชีวิตเราจะพึ่งอะไร คุณรู้ไหมว่าคนที่ตั้งคำถามแบบนี้คุณมั่นคงแล้วก็จริง แต่วันหนึ่งพี่น้องเรา เราก็คือพี่น้องของคุณเช่นกัน คุณทำใจได้หรือกับความยากลำบาก กับความไม่มั่นคงของพวกเรา มันเป็นความสุขของคุณหรือ ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรม ฉะนั้นอยากจะมองอะไรก็แล้วแต่ มองแบบถ้อยที่ถ้อยอาศัย มองให้กว้าง คุณอย่าเอาตัวเองเป็นหลัก โลกนี้คุณจะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์ไม่ได้ จะเอาคุณเป็นแกนของโลกไม่ได้ โลกนี้มันอยู่ด้วยกันด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัย
- คิดเห็นอย่างไรที่ชาวตลาดบนมองหาบเร่แผงลอยเป็นปัญหาสังคม? : มีหลายๆ คำถามที่บอกว่าพวกเราคือปัญหาของสังคม เพราะคนที่ค้าขายนี่กีดขวางทางเท้า คนที่ตั้งคำถามแบบนี้ผมก็อยากสะท้อนกลับไปเช่นกันว่าการที่บอกว่าเราคือปัญหาสังคม คุณใช้มาตรฐานที่คุณพูดคือสังคมของอะไร สังคมของใคร เราเป็นพ่อค้า-แม่ค้า เราค้าขายริมทางเท้าเราก็คือสังคมส่วนหนึ่ง ถ้าคุณเป็นข้าราชการคุณก็สังคมอีกส่วนหนึ่ง ถ้าคุณอยู่ดีกินดี คุณเป็นนักธุรกิจ คุณก็เป็นสังคมอีกส่วนหนึ่ง อย่ามองว่าประเทศนี้มีแค่สังคมเดียว ประเทศนี้มีหลากหลายสังคม ผมอยากให้อยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย
- เศรษฐกิจไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากการมีอยู่ของหาบเร่แผงลอย : เป็นคำถามที่ดีมาก ตลาดบนผมพูดถึงห้าง ร้านสะดวกซื้อ เราขอย้อนกลับไปเมื่อก่อน มันเป็นภาพที่ดีงามและชัดเจนมาก พวกเราค้าขายริมทาง สมมติจะซื้อน้ำ ซื้อเครื่องดื่ม ซื้อของกิน-ของใช้ แผงลอยบางพื้นที่ ยกตัวอย่างสีลม ราชดำริ สุขุมวิท โดยมากเราเน้นขายนักท่องเที่ยว สินค้าก็จะไม่ใช่ของกิน ถามว่าพวกเราหิวพวกเราเข้าที่ไหน เราเข้าร้านสะดวกซื้อ ร้านสะดวกซื้อก็ได้
แล้วอย่าลืมว่าพอพวกเราเริ่มอยู่ดีกินดี สิ่งที่จะได้ตามมา พวกคุณอาจจะลืมนึกไป พวกเราก็อยากสวยอยากงาม ร้านเสริมสวยเราก็ต้องเข้าไปสระไดร์ ทุกอย่างได้ อันนี้มันเป็นเรื่องจริง ทุกวันนี้ร้านเสริมสวยก็ซบเซา เพราะพวกเราไม่มีการใช้จ่าย เพราะยังไม่มีอารมณ์ที่จะมาแต่งตัว เสร็จปุ๊บมองไปอีกอย่าง เวลาจะไปไหนมาไหนเราก็เรียกบริการแท็กซี่ แท็กซี่ก็มีส่วนได้ แทนที่เราจะไปขึ้นรถเมล์ให้มันแออัด นี่คือคำตอบง่ายๆ อันนี้คิดแบบบ้านๆ คิดแบบคนที่อยู่กับความเป็นจริง คนที่อยู่กับแผงลอย
นอกจากนี้ นายพงษ์ศิลป์ ยังฝากบทกลอนทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า..
“ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันมันกระทบ
บางครั้งขบห้อเลือดเป็นเชือดเฉือน
เพื่อนร่วมชาติเปรียบเหมือนญาติอยู่ในเรือน
เปรียบเหมือนเพื่อนหญิงชายอย่าหน่ายกัน
เมื่อผิดพลาดพลั้งหน่อยอย่าคอยซ้ำ
ให้ระกำช้ำจิตคิดเหหัน
ควรผ่อนสั้นผ่อนยาวเข้าหากัน
ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องต้องดีจริง”
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดนโยบายรัฐบาล66หน้า! 12นโยบายหลัก-12นโยบายเร่งด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี