“ราชบุรี” จังหวัดทางตะวันตกของไทยที่ติดกับเมียนมา มีเทือกเขาตะนาวศรีทอดยาวเรียงตัวสลับซับซ้อนเป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศทั้งสอง พื้นที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งกิจการเหมืองแร่เคยเฟื่องฟู แต่ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมเหมืองนั้นต้องแลกมาด้วยการหักร้างถางพง ทำให้ป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก จึงมีความพยายามฟื้นฟูป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ พร้อมๆ ไปกับการให้ประชาชนมีอาชีพ ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบากยากจน
เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “สกู๊ปแนวหน้า” ติดตามคณะของ มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ไปเยี่ยมชม “โครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” จ.ราชบุรี โครงการที่เป็นความร่วมมือของมูลนิธิศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับ กระทรงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพบก จังหวัดราชบุรี และคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)
พ.อ.วณัฐ ลักษณสิริ ผู้บังคับการกรมพัฒนาที่ 1 กองพลพัฒนาที่ 1 กล่าวว่า โครงการสวนป่าแห่งนี้ประกอบด้วยพื้นที่ 524,816 ไร่ ครอบคลุม 3 อำเภอของจังหวัดราชบุรี คือ อ.ปากท่อ บ้านคา และสวนผึ้ง จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งพระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี 2535 เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ แหล่งต้นน้ำ และสัตว์ป่า เพื่อประโยชน์ของประชาชนในด้านการศึกษา การวิจัย
โดยได้ปฏิบัติงานตามพระราชดำริ ดังต่อไปนี้ 1.สร้างป่าตามหลักให้คนอยู่อาศัยโดยไม่ทำลายป่า และช่วยเหลือให้มีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควร2.ฝึกราษฎรอาสาพิทักษ์ป่า 3.ช่วยประชาชนในพื้นที่ ให้มีอาชีพหลักและอาชีพเสริมในงานศิลปาชีพ ฝึกงานฝีมือต่างๆ ให้กับผู้ที่สนใจ อาทิ การทอผ้า การปักผ้า การวาดภาพ เครื่องปั้นดินเผา การจักสานไม้ไผ่ เป็นต้น และ 4.อนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของท้องถิ่น
นอกจากนี้ ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลและทรงมีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผูกพันกับธรรมชาติมาตั้งแต่เกิด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “โครงการศิลปาชีพ” ขึ้นใน อ.สวนผึ้ง เพื่อให้ประชาชนมีอาชีพเสริมหลังเก็บเกี่ยวพืชไร่ ลดปัญหาการล่าสัตว์และบุกรุกพื้นที่ป่า
พ.ท.อุดม เทียมเท่าเกิด นายช่างโยธา กรมพัฒนาที่ 1 เจ้าหน้าที่ประจำโครงการศูนย์ศิลปาชีพสวนผึ้ง ราชบุรี เล่าว่า โครงการศิลปาชีพฯมีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2536 ครั้งนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯทรงเยี่ยมประชาชนในพื้นที่หลังเก็บเกี่ยวพืชไร่ จากนั้นวันที่ 4 ม.ค. 2540 จึงได้จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองตาตั้งขึ้นเป็นแห่งแรก และวันที่ 20 ม.ค. 2540 ได้จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหมบ้านพุระกำขึ้น
หลังจากนั้นจึงได้มีการจัดตั้งโรงทอผ้าขึ้นในศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เพื่อให้สมาชิกจากบ้านห้วยน้ำหนักและบ้านห้วยม่วงเข้ามาดำเนินการด้วย ซึ่งการทอผ้าพระราชทานแบ่งเป็น 1.กลุ่มทอผ้าไหมพื้นบ้าน บ้านห้วยม่วง 2.กลุ่มทอผ้าไหมจกกะเหรี่ยง บ้านหนองตาดั้ง บ้านพุระกำ และบ้านห้วยน้ำหนัก และ3.กลุ่มทอผ้าพื้นเมือง บ้านห้วยน้ำหนัก 4.กลุ่มปักผ้า บ้านห้วยม่วง บ้านหนองตาดั้ง บ้านพุระกำ และบ้านห้วยน้ำหนักนอกจากนี้ยังมีการจักสานไม้ไผ่ของกลุ่มบ้านห้วยม่วง และบ้านพุระกำ
พระองค์ยังทรงมีพระราชประสงค์ให้มีการฝึกสอนทำเครื่องปั้นดินเผา โดยพระราชทานทรัพย์สำหรับดำเนินการ เช่น การสร้างสถานที่ฝึก อุปกรณ์การฝึกสอน การดำเนินการทุกขั้นตอนจนสำเร็จเป็นของใช้ รวมถึงครูฝึกโดยมีการนำชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้านของ ต.ตะนาวศรี ไปฝึกอบรมวิชาชีพเครื่องปั้นดินเผาที่ศูนย์ศิลปาชีพเครื่องปั้นดินเผาบ้านกุดนาขาม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เพื่อกลับมาจัดตั้งโครงการศิลปาชีพเครื่องปั้นดินเผาในโครงการ (บ้านห้วยม่วง) ที่เป็นศิลปะแบบพื้นบ้านในท้องถิ่น มีเอกลักษณ์ของตนเอง
ปัจจุบันมีสมาชิกในโครงการ จำนวน 116 คน โดยมีกลุ่มศิลปาชีพที่สำคัญ คือ การทอผ้า การปักผ้า การจักสาน และการทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งผลของโครงการกว่า 22 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการจาก 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านห้วยน้ำหนัก บ้านหนองตาดั้ง บ้านห้วยม่วง และบ้านพุระกำ ชาวบ้านในกลุ่มจะมีรายได้รวมเฉลี่ยประมาณเดือนละ 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับฝีมือและความยากง่ายของชิ้นงาน
พ.ท.อุดมกล่าวอีกว่า หมู่บ้านแถบนี้เป็นหมู่บ้านชายแดนสุดท้ายติดกับเทือกเขาตะนาวศรี ห่างจากชายแดนเมียนมาเพียง 3.5 กิโลเมตร เช่น พุระกำเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผู้อาศัยคือชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ถูกปรับเปลี่ยนจากการทำไร่เลื่อนลอยมาเป็นการอาศัยอย่างถาวร ความไม่คุ้นเคยกับการเพาะปลูกทำให้ชีวิตของชาวพุระกำเผชิญกับความลำบากและความอดอยาก ซึ่งด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้พระราชทานศิลปาชีพ และธนาคารข้าวเข้าไปช่วยเหลือ
จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอมีพอกิน!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี