หมายเหตุ : ถอดความจากการบรรยายของ นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในงานเสวนา “นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กับปัญหาที่เร่งด่วนของประชาชน กรณีหาบเร่แผงลอย” ณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บ่ายวันจันทร์ที่ 26 ส.ค. 2562
ธันวา : ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ พปชร. รับเรื่องปัญหาหาบเร่จากทางเครือข่ายหาบเร่ (เครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) เราก็มีการพูดคุยเรื่องนี้บ่อยมาก บอกชื่อได้ไม่เสียหาย คือพี่กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผมว่าทุกคนที่ไปพรรควันนั้นคงจะเชื่อในความหวังดีของพี่กอบ เราแยกกันประมาณ 3-4 ทุ่มวันนั้น พี่กอบเปิดโอกาสให้ทุกท่านที่ไปได้พูดจนไม่มีคนจะพูด แล้วก็รับปัญหาไว้ แล้วก็มาประชุมกันว่าพรรคจะมีจุดยืนอย่างไร
“เพราะอย่างน้อยมันปฏิเสธไม่ได้ว่า นโยบายการจัดระเบียบมันเกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาล คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ผ่าน กทม. และพรรคเราเองมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็คือ ลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-หัวหน้า คสช.) เราก็มีการหารือกันบ่อยจนได้ข้อสรุปในกลุ่มหนึ่ง ที่ผมใช้คำว่ากลุ่มหนึ่งเดี๋ยวผมจะบอกว่าทำไมถึงใช้คำนี้ข้อสรุปในกลุ่มหนึ่งนั้นเห็นตรงกัน
ว่าการจัดระเบียบกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ณ วันนี้ มันไม่ใช่การจัดระเบียบ ผมได้รับข้อมูลจากพี่ๆ หลายท่านในที่นี้ (ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย) รวมถึงไปดูด้วยตัวเองก็หลายครั้งว่าพื้นที่ที่ถูกยึดคืนมานั้นมันเกะกะอย่างไรกีดขวางอย่างไร บางแห่งทางเท้ากว้าง 5-6 เมตร ผู้ค้าวางแผงโต๊ะหน้าแค่นิดเดียวมีทางเดินมากมายพอให้มอเตอร์ไซค์วิ่งขึ้นไปได้อย่างสบาย แต่มันก็ยังมีการขอคืนพื้นที่ตรงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเขต”
สิ่งที่ผมทำคือเอาเรื่องแบบนี้เสนอในที่ประชุม ซึ่งหลายๆ ครั้งมีผู้บริหารระดับสูงของพรรครวมอยู่ด้วย ผสมส่งข้อมูลทางไลน์ (แอพพลิเคชั่น Line) กลุ่มของพรรค ซึ่งมีผู้บริหารพรรคอยู่ครบ รวมถึงคนที่ดู กทม. ด้วย ตัวอย่างที่ผมเคยบอกไป วันนั้น “ผมไปนั่งอยู่ตรงถนนสุขุมวิท ตรงไนท์มาร์เก็ต” ตั้งแต่ 2-3 ทุ่ม กลับประมาณเที่ยงคืนกว่า นั่งดูคนที่เดินผ่านไปผ่านมา “เดินคุยกับผู้ค้า กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รู้สึกอย่างไรกับหาบเร่” ซึ่งก็แน่นอนว่าตามคาด
“เอาจริงๆ มันไม่มีใครเขามีปัญหากับการตั้งแผงในบริเวณนั้น” เสร็จแล้วผมก็ขออนุญาตพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเขาทำคลิปวีดีโอ เขาก็ระบายความในใจ ซึ่ง “ผมเคยร้องไห้ที่พรรคมารอบหนึ่งตอนที่หาบเร่มาพรรค” พอเริ่มฟังหลายๆ คนเข้ามันเริ่มหนัก “พ่อแม่ป่วย ไม่มีรายได้เลย ชีวิตขายของมาตลอด อยู่ๆวันดีคืนดีรัฐก็มาเอาพื้นที่ไปจากเขา” ลูกต้องไปโรงเรียน อะไรมากมาย ผมอัพโหลด(Upload) คลิปเข้าไปในเฟซบุ๊ค แล้วส่งเข้าไปในกลุ่มที่มีผู้บริหารพรรคอยู่กันครบทุกคน
รวมถึงภาพเหล่านี้ “ถ้าบอกว่าจุดตรงสุขุมวิท ไนท์ มาร์เก็ต แผงลอยกีดขวางทางเท้า นักท่องเที่ยวเดินไม่สะดวก คนแถวนั้นเดินไม่สะดวก อยากให้ทุกคนดูภาพเหล่านี้” อันนี้คือภาพกองขยะของ กทม. ที่ทุกคืนจะวางขวางทางเท้าไปกว่าครึ่งหนึ่งทุกวัน เท่าที่ผมสอบถาม เสียดายมีรูปที่ผมไม่ได้ถ่ายมา เป็นชาวต่างชาติน่าจะเป็นคนยุโรป ต้องเดินแทรกตัวในกองขยะ เพื่อที่จะผ่านปากซอยบริเวณนั้นมา
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีอุปกรณ์ซ่อมแซมถนนของ กทม. พวกอิฐบล็อก อะไรต่างๆที่สามารถวางยาวไปกับแนวถนนได้แต่ไม่วาง วางขวาง สมมุติกว้าง 5-6 เมตร ก็สักครึ่งหนึ่งผมถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งหมด “ผมคุยกับที่ประชุมในพรรค ว่าถ้าเรามองหาบเร่กีดขวาง แล้วแบบนี้เรียกว่าอะไร” อันนี้ประการที่หนึ่ง ประการที่สอง“หลายจุดตั้งแต่เทอร์มินัล 21 (Terminal 21) เดินย้อนมาทางต้นถนนสุขุมวิท” เดือนนี้ผมไม่แน่ใจ
“ผมไปเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนณ วันนั้น จุดไหนที่หาบเร่เคยขายอยู่แล้วออกไป เกิดอะไรขึ้น การค้าประเวณีแทบจะตลอดแนวถนน ทั้งคนไทยทั้งต่างชาติ ทั้งผู้หญิงทั้งสาวประเภทสอง รูปที่ผมถ่ายมายังไม่เท่าไร วันที่ผมเดินผ่านถ้าวันนั้นไม่มีคนช่วย ผมไม่ได้เดินผ่านตรงนั้นง่ายแน่นอน เขาก็คิดว่าผมเป็นคนจีนบ้าง คนญี่ปุ่นบ้าง ทุกคนพยายามจะดึงผมเข้าไป”
สุดท้าย “จัดระเบียบหาบเร่คนไทยไม่มีสิทธิ์ขาย แต่ใครขาย” เท่าที่ผมได้รับเรื่องจากพี่ๆ เจอทั้งนั้น “ห้ามคนไทยขายแต่เวียดนามมาขายได้ แล้วทำกันเป็นระบบ” เท่าที่ทราบคือมีกระบวนการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ผมขอไม่ระบุว่าผมได้รับข้อมูลว่าใครเป็นคนเก็บ ซึ่งก็มี 2-3 หน่วยงานด้วยกัน ผมสะท้อนปัญหาแบบนี้ให้พรรคมาตลอด พยายามทำถึงที่สุด สุดท้ายเราก็ยังกลับมาคุยกันในห้องนี้เพราะอะไร
มันเป็นข้อจำกัด เป็นปัญหาภายในของพรรค ไม่ใช่ผมคนเดียวที่อยากช่วยพี่ๆ หาบเร่ ไม่ใช่ผมคนเดียวแน่นอน มีคนเห็นด้วยกับผมเยอะ “ทุกครั้งที่ผมส่งเข้ากลุ่มไลน์ จะมีคนชอบหลังไมค์มาส่วนตัวว่าสนับสนุน เรื่องนี้จริง ดีมาก ต่างๆ นานา แต่ในขณะเดียวกันในพรรคก็มีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมกำลังเรียกร้องแทนพี่ๆ ผมต้องยอมรับว่าในพรรคมีคนเห็นต่าง” ดังนั้นเรื่องมันถูกเสนอผ่านมาทางคนที่ช่วยผลักดันเข้าสู่การแถลงนโยบายของรัฐบาล อันนี้ผมต้องขอบคุณพรรคส่วนหนึ่ง ผมไม่ได้ยกเครดิตเป็นของตัวเอง
“ทุกคนในพรรคที่สนับสนุนพี่ๆ (หาบเร่แผงลอย) เราช่วยได้ถึงที่สุดคือเข้าไปอยู่ในคำแถลงของรัฐบาล มันไม่ได้อยู่ๆ เข้าไป ก่อนจะเข้าไปมันผ่านการผลักดันขึ้นมาค่อนข้างหลายขั้นตอน แต่ผลักดันแล้ววันนี้หน้าที่ในการขับเคลื่อนมันยังมีเรื่องการเมืองภายในพรรค การที่พรรคไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีหลายกลุ่มหลายฝ่ายภายในพรรค คนที่เห็นด้วยกับคนไม่เห็นด้วย บางทีจะขับเคลื่อนอะไรมันยังมีการติดการเกรงใจ การข้ามหน้า ข้ามสายงาน ข้ามพื้นที่กัน”
ดังนั้นสิ่งที่ผมเรียกร้องให้เกิดขึ้น จนนำมาซึ่งการที่ผมไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ) เมื่อวันก่อน “ผมไม่ได้บอกว่าพวกพี่ (หาบเร่แผงลอย) ถูกทั้งหมด ถูกทุกเขต เราพูดเรื่องจริง บางเขตยังทำไม่ได้ดี” บางเขตยังสกปรกกีดขวาง “แน่นอนคนเป็นแสนๆ ราย จะให้ทุกคนทำดีหมดมันเป็นไปไม่ได้” แต่ที่ผมเรียกร้องให้พี่ๆ วันนี้คือแถลงนโยบายแล้ว
“ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการร่วมกันสักที โดยมีตัวแทนผู้ค้า นักวิชาการ ตัวแทนพรรคการเมือง กทม.” เริ่มกระบวนการเจรจา “กำหนดพื้นที่ว่าลักษณะไหนขายได้ แบบไหนขายไม่ได้” มันต้องตั้งต้นแบบนี้ “เว้นเสียแต่ไม่ทำเพราะเขาอยากจะไม่ให้เหลือหาบเร่แผงลอยใน กทม. อีกแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไร” แต่วันนี้ผมว่าไม่ใช่ เพราะอย่างน้อยเข้าไปอยู่ในนโยบายของรัฐบาล กระบวนการมันต้องมีแน่
แต่สิ่งที่ต้องเร่งคือ “เวลาผ่านไปทุกวัน ทุกคนต้องกินต้องใช้ ใครจะมานั่งรอให้นักการเมืองในรัฐบาล ในพรรคทะเลาะกันให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาขับเคลื่อน”ผมว่าแบบนี้ไม่ถูก ดังนั้นเมื่อ พล.อ.ประวิตรเข้ามาที่พรรคอาทิตย์ก่อน ผมคิดว่าถ้าพรรคเชิญท่านเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นเอกภาพ ผมขอถือโอกาสยื่นหนังสือให้ท่านเห็นว่าปัญหาของประชาชนวันนี้มันควรจะขับเคลื่อนเสียที
“ปัญหาจะถูกขับเคลื่อนก่อนหรือผมจะถูกขับออกจากพรรคก่อน ผมบอกเรียนตามตรง ไม่อยากบอกปัญหาภายใน แต่ผมเรียนให้ทราบว่าผมพูดปัญหาในพรรคหลายเรื่อง ออกข่าวบ่อย ผมไม่ได้พูดแค่เรื่องนี้ กลุ่มมวลชนที่เขาเดือดร้อนมีอีกเยอะ เชียงใหม่ เชียงราย ภาคเหนือฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ไหน อีกไม่กี่เดือนฝุ่นควันพิษใน กทม. จะพุ่งขึ้นสูง มีมาตรการอะไรหรือยัง ทุกอย่างคือการขับเคลื่อนที่ช้าทั้งสิ้น การประชาสัมพันธ์ของพรรค ของรัฐบาลมีปัญหา ชาวบ้านไม่เข้าใจในนโยบายที่ประกาศมาสักอย่าง
ดังนั้นเมื่อผมพูดในพรรคแล้วมันเงียบๆ ไม่ไปไหน ผมใช้สื่อก็คือเฟซบุ๊ค แล้วเมื่อมันออกข่าว แรงที่มันกระทบกลับมาหาผมตอนนี้ ผมบอกได้เลยว่าผมกำลังถูกเปลี่ยนตัวออกจากพื้นที่สวนหลวง-ประเวศ ที่ผมเคยเป็นอดีตผู้สมัคร สส. ที่ผ่านมา กำลังจะถูกเปลี่ยนตัวออกแล้ว ก็เล่าให้ฟัง ถึงบอกว่าก็ไม่แน่ใจว่าถ้าวันหนึ่งมันพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว จะมีคนที่มาช่วยขับเคลื่อนหรือเปล่าเท่านั้นเอง”
นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอแนะเรื่องหาบเร่แผงลอย ว่า 1.ให้แก้กฎหมายแบบปรับมุมคิด จาก “จุดผ่อนผัน” ที่ห้ามขายทั้งหมดยกเว้นจุดที่ภาครัฐอนุญาต เป็น “จุดห้ามขาย” ที่ให้ขายได้ทั้งหมดยกเว้นบางจุดที่ต้องห้ามเนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าหากปล่อยให้ขายจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น เช่น ปากซอย-หัวมุมถนน หรือจุดที่ตั้งแล้วผู้ซื้ออาจล้นลงไปอยู่บนถนน โดยจุดที่แม้จะปล่อยให้ขายได้ก็อาจมีกฎระเบียบเพิ่มเติม เช่น ตีเส้นและห้ามตั้งแผงล้ำออกมา หรือดูแลเรื่องความสะอาด
2.ควรนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดระเบียบ เช่น ปัจจุบันผู้ค้าหาบเร่แผงลอยก็มีการลงทะเบียนอยู่แล้ว ควรมีช่องทางให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่ผู้ค้าด้วยกันเองร้องเรียนคนที่ทำไม่ถูกต้อง อาทิ มีผู้ค้าบางรายตั้งแผงค้าล้ำแนวเส้นออกมาอย่างชัดเจนจนกีดขวางคนเดินเท้า เรื่องนี้ตนเห็นว่าทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ คนที่ทำถูกระเบียบไม่ต้องกลัว เว้นแต่เกิดกรณีกลั่นแกล้งก็ไปชี้แจง
นายธันวา ยอมรับว่า ประเด็นหาบเร่แผงลอยมันอยู่ตรงจุดบางๆ จะออกข้างไหนก็ได้ ซึ่งตนก็โดนด่าไม่น้อยเมื่อแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นใจผู้ค้า แต่ก็เข้าใจธรรมชาติสื่อออนไลน์ คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นอาจจะดูว่าเยอะในแต่ละเพจ ถ้าเทียบกับคนข้างนอก พบว่า คนข้างนอกที่เขาไม่ได้ว่าอะไรมีจำนวนมากกว่าเพียงแต่จะมองไม่เห็น ผู้คนจะเห็นแต่หน้าจอที่เลื่อนผ่าน เช่น 10 คนด่าหมด 10 คน แต่ก็จะอยู่เพียงตรงนั้น
ดังนั้นสิ่งสำคัญคืออยู่ที่การสร้างความเข้าใจของสังคมในวงกว้าง ซึ่งไม่ใช่ปล่อยให้เฉพาะผู้ค้าพูดอยู่แต่ฝ่ายเดียวเพราะจะถูกมองว่าที่ออกมาพูดเพราะต้องการทำมาค้าขาย แต่ต้องประสานความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะนักวิชาการที่ต้องเข้ามาช่วยส่งเสียงให้ดังขึ้น ซึ่งตนก็เคยได้อ่านงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ให้เห็นประโยชน์ในมิติเศรษฐกิจและมิติอื่นๆ ของหาบเร่แผงลอย แต่ก็ยอมรับว่าถ้าไม่ได้มาทำงานการเมืองให้พรรค ก็จะไม่รู้มุมเหล่านี้เลย ดังนั้นประชาชนคนทั่วไปที่อยู่ภายนอกเขาก็คงไม่รู้เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี