“ยาเสพติด เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม”
คำขวัญที่ชี้ให้เห็นถึงพิษภัยของยาเสพติดที่มีความชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไรก็ตาม แต่ยาเสพติดก็ยังคงเป็นปัญหาที่ไม่ยอมหมดไปจากโลกใบนี้เสียที
ล่าสุด เกิดข่าวใหญ่เกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งเป็นที่สนใจของสังคมไทยอย่างมาก เพราะยาเสพติดตัวนี้ มีผลร้ายแรง ถึงขนาดทำให้คนเสพเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน
“เคนมผง”คือชื่อของยาเสพติดมรณะตัวที่กล่าวถึงนี้หลังจากที่เป็นสาเหตุทำให้วัยรุ่นไทยที่หลงไปเสพ เสียชีวิตเป็นสิบราย
ชื่อ“เคนมผง”อาจฟังดูไม่น่ากลัว แต่พิษภัยนั้นเหลือล้นมีการปรับสูตรมาจากยาเค หรือ เคตามีน ที่จัดเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ระงับความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพสูง ออกฤทธิ์เร็ว ช่วยระงับความปวด รวมทั้งใช้เป็นยาสลบก่อนการผ่าตัด หรือศัลยกรรม โดยคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้บรรจุให้เคตามีนอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2
แต่ “เคตามีน” ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นสายไฮโซ ที่จะนัดปาร์ตี้ยาเสพติดกันตามสถานบันเทิงหรู ซึ่งจะเน้น “เคตามีนบริสุทธิ์” เพราะเมื่อเสพไปแล้วจะไม่มีอาการเมาออกมาให้เห็น แต่จะทำให้พูดคุยได้อย่างสนุกสนานขึ้นกว่าที่เคยเป็น รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน
เหตุผลที่ทำให้เป็นที่นิยมอีกประการคือ หลังเสพ จะไม่สามารถตรวจเจอปัสสาวะออกมาเป็นสีม่วง
วิธีการเสพยาเคมี 2 แบบ คือ การสูดดม กับการผสมน้ำแล้วดื่ม ซึ่งวิธีแรกเป็นที่นิยมของวัยรุ่นไทยมากกว่าวิธีที่สอง
การเสพยาเค แม้จะทำให้ผู้เสพรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขแต่โทษของมันนั้น ก็เข้าขั้นสาหัส โดยในระยะสั้นจะทำให้เกิดอาการหวาดระแวง จิตหลอน จดจำอะไรไม่ได้ ร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราวและถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาทางสมองเกี่ยวกับความทรงจำและสมาธิ มีปัญหาด้านการรับรู้และปัญหาทางจิต จนอาจถึงขั้นกลายเป็นคนวิกลจริตได้
แต่ด้วยความที่เคตามีนมีราคาแพง การจะขายให้ผู้เสพก็อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องเงินที่จะนำมาซื้อ ทำให้ขายได้ยาก รวมทั้งยังมีปัญหาของขาดตลาด ในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ดังนั้น ผู้ค้ายาเสพติดจึงคิดหาวิธีมาใช้เพื่อให้ขายของได้ง่ายขึ้น
โดยวิธีนั้นก็คือ การปรับสูตรยาเคให้มีราคาถูกลง โดยการลดต้นทุนการผลิต ใช้ส่วนผสมอย่างอื่นเข้ามาช่วยเพื่อให้ยามีปริมาณมากขึ้น ถือเป็นการสร้างยาตัวใหม่ เพื่อดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ไปในตัว และถือเป็นการขยายฐานลูกค้าลงสู่ระดับกลาง และระดับล่าง ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ราคาประมาณกรัมละ 400-600 บาท
สิ่งที่นำมาผสมกันเพื่อสร้าง“เคนมผง”ออกมา มีอยู่ 4 ชนิดหลักๆประกอบไปด้วย “เคตามีน” ที่ออกฤทธิ์หลอนประสาท ทำให้มีอาการมึนเมา เกิดภาพหลอน หวาดระแวง จำอะไรไม่ได้ร่างกายเป็นอัมพาตชั่วขณะ “เฮโรอีน” ออกฤทธิ์กดประสาทและการหายใจรุนแรง หากเสพเกินขนาดอาจทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตทันที “ไอซ์” ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดหัวใจหดตัว ทำให้หัวใจขาดเลือด และ“โรเซ่” ซึ่งเป็นยานอนหลับ เป็นตัวเร่งฤทธิ์ยาทั้งหมด ส่งผลทำให้หลับนานขึ้น
เมื่อส่วนประกอบทั้งหมดออกฤทธิ์เสริมกัน ก็จะทำให้ผู้เสพสลบไป ไม่สามารถหายใจได้ จึงเสียชีวิตในที่สุด
สำหรับอาการขั้นต้นของผู้เสพ “เคนมผง” จะคล้ายคนเมาสุรา เบลอ สะลึมสะลือ เหม่อลอย ประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ส่วนอาการที่หนักไปกว่านั้นคือ ปากเขียวคล้ำ มีเลือดออกทางจมูก ช็อกหมดสติ หัวใจทำงานผิดปกติ หลอดลมหดตัว สมองไม่สั่งการ ซึ่งเป็นอาการที่เข้าขีดอันตราย
อย่างไรก็ตาม “เคนมผง” ยังมีการใส่ส่วนผสมอื่นๆ อีก เช่น ยาอี เฮโรฮีน ที่เรียกว่า “สูตรค็อกเทล” ซึ่งเป็นสูตรไม่ตายตัว หรือมีอะไรก็ใส่เข้าไป ก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป ตามกำลังซื้อของลูกค้า
ทั้งนี้ หากผสม ไดอาซีแพม หรือ แวเลียม รวมกับเคตามีนส่วนผสมหลัก ทำให้ต้นทุนถูก นำไปขายในเครือข่ายกรัมละ 400-600 บาท หรือหากใส่เฮโรฮีน เป็นส่วนผสม จะมีราคาแพงกว่า โดยการผสมจะไม่มีมาตรฐาน อาจมีสารแต่ละชนิดในปริมาณที่ต่างกัน เป็นอีกสาเหตุทำให้ผู้เสพทำการเสพเกินขนาด จนช็อกเสียชีวิตกะทันหัน เพราะหายใจไม่ออก บางคนก็มีอาการชักด้วย
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คไว้ว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (เฉพาะกิจ) ได้คัดแยกสารส่วนผสมทั้งหมดของ “เคนมผง”
หนึ่งในนั้นคือสารประกอบการใช้งานเกี่ยวกับการประหารชีวิตนักโทษ ซึ่งประกอบไปด้วย SodiumPentothai โซเดียม เพนโทธาล ที่ทำให้นักโทษหมดสติ ปริมาณ 20-25 มิลลิลิตร Pencuronium bromide แพนคิวโรเนียม โบรไมด์ ที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ปริมาณ 50 มิลลิลิตร Potassium chloride โพแทสเซียม คลอไรด์ ที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น ปริมาณ 50 มิลลิลิตรเช่นกัน
สารดังกล่าวไม่ใช่ยาพิษแต่เป็นยาทั่วไป ถ้าใช้เกินขนาดก็มีผลทำให้ตายได้ ผลการวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงว่า ผลการตรวจจากแล็บของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่นำสารตัวอย่าง “เคนมผง” มาวิเคราะห์ พบว่าเกือบ 100% เป็นสารไดอาซีแพม ซึ่งจากการสืบทราบในกลุ่มผู้เสพไดอาซีแพม 1 กรัม มีราคา 450-600 บาท เป็นสารที่ใช้ผลิตยานอนหลับหรือแวเลียม ตามมาตรฐาน 1 เม็ด จะประกอบด้วยไดอาซีแพม 2 มิลลิกรัม และปกติแล้วทางการแพทย์การใช้ยาแวเลียม 10 มิลลิกรัมหรือ 5 เม็ดถือว่าอันตรายถึงชีวิต
แต่จากรายงานการตรวจพิสูจน์ 5 ตัวอย่าง พบว่าสารตัวอย่างมีความเข้มข้น 93-99% ตกแล้วผู้เสพ 1 คนใช้แวเลียมถึงคนละ 200 มิลลิกรัม หรือ 100 เม็ด จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้ สารไดอาซีแพม เป็นสารควบคุม โดยองค์การอาหารและยา(อย.) ไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ใช้สำหรับโรงงานผลิตยาเท่านั้น โดยตนได้สั่งการให้ ป.ป.ส.เร่งตรวจสอบที่มา ประสานทาง อย. ขอข้อมูลจากโรงงานที่ขออนุญาต เพื่อตรวจสอบว่าเล็ดลอดออกมาจากที่ไหนหรือไม่ เพื่อป้องกันการนำมาใช้ในทางที่ผิด
จากข้อมูลที่ได้สรุปออกมา จะเห็นได้ว่า พิษภัยของ“เคนมผง”นั้น ช่างน่ากลัวจริงๆ แต่ก็มีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อล่าสุดพบว่า มียาเสพติดตัวใหม่ที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่า“เคนมผง” ซึ่งมชื่อว่า “เคทะเลทราย” จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า มีส่วนผสมหลักๆ คือ เคตามีน เฮโรอีน ไดอาซีแพม และอาจมีเกลือ และส่วนผสมอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย ราคาซื้อขายประมาณกรัมละ 700 บาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ในต่างประเทศมีการผสมยาเสพติดกันเองอยู่แล้ว เรียกว่า “ค็อกเทล” ชื่อเรียกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มของผู้ที่เป็นคนผสมจะตั้งขึ้นมาเอง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ประสานงานกันเพื่อออกติดตามจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเต็มที่ และทำการจับกุมไปได้แล้วหลายราย
แต่ปัญหานี้จำเป็นที่จะต้องแก้ไข ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน
เพราะทุกวันนี้พิษภัยของยาเสพติด มันทวีความรุนแรงมากกว่าการเสพแล้ว “ติด” ไปจนถึงขั้นเสพแล้ว“ตาย” ไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี