สถานการณ์โรคระบาด “โควิด-19” หนึ่งในด้านที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงคือ “การศึกษา” เนื่องจากสถานการศึกษาทุกระดับถูกปิดตามมาตรการ “ล็อกดาวน์” เพื่อควบคุมโรค โดยเฉพาะ “เด็กเล็ก” เช่น นักเรียนระดับปฐมวัย ที่ผลกระทบอาจรุนแรงยิ่งกว่าเด็กโต เพราะการปิดเรียนเป็นเวลายาวนานก่อให้เกิดปัญหากับพัฒนาการของเด็กไม่ว่าจะเป็นร่างกาย สมอง การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อีกทั้งโอกาสที่จะสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้กับเด็กเพื่อก้าวไปสู่การเรียนในขั้นพื้นฐานก็ยิ่งลดลง และยังอาจทำให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วย
อย่างไรก็ตาม มีตัวอย่างที่น่าสนใจจาก “ศูนย์พัฒนาเด็กต้นแบบ” ในพื้นที่ เทศบาลตำบลบ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา ที่พยายาม “ปรับตัว” พยุงให้การเรียนการสอนยังเดินหน้าต่อไปได้ โดย นิยดา จันทร์ทอง ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) โรงเรียนวัดประดู่ เทศบาลตำบลบ่อตรุ เล่าว่า ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ทำให้ ศพด. โรงเรียนวัดประดู่ ได้ปรับรูปแบบการสอน และการทำกิจกรรมใหม่ทั้งหมด ในเบื้องต้นทาง ศพด. จะมีการประสานไปยังผู้ปกครองเพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามารับใบงาน พร้อมรับฟังแนวทาง รูปแบบ วิธีการดูแลลูกๆ ในเบื้องต้น
“กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ ศพด.ได้มอบหมายให้ผู้ปกครองไปนั้นจะเน้นการกิจกรรมตามสถานการณ์โดยไม่สร้างภาระเพิ่มเติมให้ผู้ปกครอง และให้ผู้ปกครองสามารถนำกิจกรรมต่างๆ ไปต่อยอดสำหรับการสอนเด็กๆ ที่บ้านได้ เช่น ช่วงวันแม่ที่ผ่านมาก็ให้ผู้ปกครองสอนเด็กๆ ทำพวงมาลัย นอกจากนี้ทาง ศพด. ยังมีกิจกรรมเพื่อเน้นการสร้างและกระตุ้นพัฒนาการในตัวเด็กเล็กร่วมด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กผ่านการส่งดินน้ำมันไปให้เด็กปั้นที่บ้าน การฝึกความอดทนและฝึกสมาธิโดยการส่งหนังสือนิทานไปให้เด็ก หลังจากนั้นทาง ศพด. จะให้ผู้ปกครองรายงานกลับมาว่าเด็กฉีกหนังสือนิทานหรือไม่ ส่วนการสร้างปฏิสัมพันธ์จะเน้นการฝึกให้เด็กพูดคุยกับคนในครอบครัวก่อน เพราะระยะนี้เด็กอาจจะไม่สามารถออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ได้” นิยดา กล่าว
นิยดา เล่าต่อไปว่า “ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความเข้าใจ และสามารถนำกิจกรรมไปประยุกต์สอนลูกๆ ได้ค่อนข้างดี” ซึ่งการให้ผู้ปกครองเป็นตัวแทนคุณครูในช่วงที่เปิดการเรียนการสอนไม่ได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจะต้องยึดเป็นแนวทางหลัก เพราะผู้ปกครองเป็นคนที่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุดในระยะนี้ โดยขอฝากถึงผู้ปกครองเพิ่มเติมว่า “ในระหว่างนี้พยายามฝึกให้เด็กช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นให้ได้” แม้ว่าบางครั้งอาจจะเสียเวลารอพวกเขาไปบ้าง แต่การฝึกให้เด็กเล็กทำอะไรง่ายๆ เอง นั้นถือเป็นบทเรียนที่สำคัญกับตัวเด็กเช่นกัน
สุวิดา ศรีนาค ผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลตำบลบ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา เปิดเผยว่า ในพื้นที่เทศบาลตำบลบ่อตรุมีศูนย์พัฒนาเด็กภายใต้การดูแลจำนวน 4 ศูนย์ มีเด็กเล็กประมาณ 151 คน ครู 15 คน โดยทางเทศบาลได้มีนโยบายในการดูแลเด็กก่อนวัยเรียนตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ซึ่งได้มีการกำหนดกิจกรรม หลักสูตรเพื่อเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย พัฒนาด้านสมอง
และส่งเสริมให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว รวมไปถึงการพัฒนาสถานที่ ห้องเรียนให้น่าเรียน ซึ่งที่ผ่านมาทางเทศบาลและศูนย์ได้เตรียมความพร้อมรอเปิดเทอมไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทุกอย่างไม่สามารถดำเนินการได้ ทางเทศบาลจึงได้มีการหารือกับครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั้ง 4 ศูนย์ เพื่อปรับรูปแบบการเรียนการสอนช่วงที่ต้องปิดศูนย์ฯเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
“รูปแบบการส่งต่อความรู้ไปให้เด็กๆ นั้น เทศบาลได้จัดทำใบงานพร้อมทั้งอธิบายวิธีทำ-วิธีการสอนให้แก่ผู้ปกครอง โดยในใบงานนั้นจะมีกิจกรรมที่ให้เด็กๆ ทำจำนวน 5 กิจกรรม โดยให้ทำวันละ 1 กิจกรรมเท่านั้น ทั้งนี้กิจกรรมที่ใส่เข้าไปในใบงานนั้น จะเป็นกิจกรรที่ช่วยเสริมสร้างทั้งด้านร่างกาย และพัฒนาการด้านการเรียนรู้ เช่น กิจกรรมให้ผู้ปกครองช่วยเด็กพูดคุย คำตอบถามง่ายๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
กิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก กิจกรรมหนึ่งสัปดาห์แรกพบ เป็นกิจกรรมแนะนำเพื่อนร่วมชั้น ครูประจำชั้น ห้องเรียน ผ่านรูปถ่ายบนในงาน เพื่อให้เด็กเกิดความคุ้นเคยเหมือนกับการได้ไปเรียนจริงในห้องเรียน นอกจากนี้เทศบาลยังได้มีแนวทางให้ครูอัดคลิปวีดีโอสั้นๆ เพื่ออธิบายวิธีการสอนเด็กทำกิจกรรมให้แก่ผู้ปกครองด้วย” ผอ.กองการศึกษา เทศบาลตำบลบ่อตรุ ระบุ
สุวิดา กล่าวต่อไปว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กค่อนข้างมากสิ่งที่เทศบาลและครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กต้องทำคือการปรับกระบวนการ รูปแบบให้การเรียนรู้เกิดความต่อเนื่อง เด็กทุกคนได้ทำกิจกรรมเหมือนกับการมาเรียนรู้ที่ศูนย์ฯ แต่ต้องทำบนพื้นฐานที่ไม่สร้างภาระเพิ่มเติมให้แก่ผู้ปกครอง เพราะในบางครอบครัวผู้ปกครองต้องออกไปทำงานนอกบ้านปล่อยลูกไว้กับปู่ ย่า ตา ยาย
ดังนั้นทางเทศบาลจึงพยายามหาวิธีการที่จะช่วยให้ผู้ปกครองสอนเด็กๆ ได้ง่ายและสะดวกที่สุด อย่างน้อยหากไม่สามารถสอนตามกิจกรรมที่ให้ไปได้ ผู้ปกครองก็สามารถสอนให้พวกเขาได้ช่วยเหลือตนเองผ่านการให้ทำกิจวัตรประจำวันเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัว และเป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กกลับเข้ามาเรียนรู้ที่ศูนย์ฯ อีกครั้งหลังสถานการณ์ดีขึ้น
ด้าน นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพกายศึกษา (สมศ.) กล่าวว่า เด็กปฐมวัย ถือเป็นช่วงวัยที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างพัฒนาการ เพราะจุดเริ่มต้นการเรียน และพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กจะเริ่มต้นขึ้นในวัยนี้ ซึ่งที่ผ่านมาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กค่อนข้างมาก แต่จากการประเมินคุณภาพภายนอก สมศ. พบว่า หน่วยงานปกครองท้องถิ่นและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีการปรับตัวได้ค่อนข้างดีมาก
“หลายพื้นที่มีการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเพื่อให้ผู้ปกครองได้นำกิจกรรม หรือแนวทางไปสอนเด็กๆ ที่บ้านต่อ ด้านผลการประเมินคุณภาพภายนอกในระดับการศึกษาปฐมวัย (ศูนย์พัฒนาเด็ก) ที่ สมศ. ได้ดำเนินการประเมินและรับรองผลไปแล้วนั้น มีสถานศึกษาเข้ารับการประเมินจำนวนทั้งสิ้น 4,540 แห่ง พบว่าสถานศึกษา มีผลการประเมินด้านคุณภาพของเด็กปฐมวัย อยู่ในระดับดีจำนวน 3,307 แห่ง คิดเป็น 73% ของจำนวน ศพด. ทั้งหมด” รักษาการ ผอ.สมศ. กล่าว
ทั้งนี้ สมศ. ได้ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพทั้งด้านผู้เรียน ด้านการจัดการเรียนการสอนในระยะนี้ โดยศูนย์พัฒนาเด็กจะต้องดำเนินการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของเด็กเล็กให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังต้องพยายามพัฒนา-อบรมครูผู้สอนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงได้แนะนำให้ประสานงานกับผู้ปกครองและชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นภายในชุมชนและครอบครัว รวมไปถึงการนำเอาผลการประเมินที่ได้รับไปปรับใช้เพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนให้เกิดความต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในส่วนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ยังไม่ได้รับการประเมิน สมศ.ก็ได้พยายามชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการประเมินที่มีการเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่จะได้รับจากการประเมินภายนอกในรอบปี 2564 ผ่านการให้ความรู้บนช่องทางต่างๆ
โดยเชื่อมั่นว่า การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจะช่วยให้สถานศึกษาในทุกระดับมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน!!!
สำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพการศึกษา
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี