“ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ มนุษยชาติ จะเลวร้ายกว่าเดรัจฉาน” ข้อธรรมในคำกลอนของท่านพุทธทาสที่กล่าวไว้ในหนังสือคู่มือมนุษย์ได้พูดถึงความคิดและการกระทำ ของคนเราว่าหากทำอะไรลงไปโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ไม่มีหลักศีลธรรมมากำกับแล้ว
ในที่สุด จะนำมาซึ่งความเดือดร้อนโกลาหล วุ่นวาย สร้างความเสียหายต่อประชาชนและชาติบ้านเมือง
คำแถลงนโยบายเร่งด่วน 10 เรื่องที่จะเร่งดำเนินการต่อที่ประชุมรัฐสภาของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ระบุว่าจะสร้างรายได้ใหม่โดยนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีเพื่อจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุขและสาธารณูปโภค จะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเช่น สถานบันเทิงครบวงจรหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กำลังถูกสังคมสงสัยว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือ
การตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นในประเทศไทย
ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ที่ห้องบุษบงกช เอ ชั้น 2 โรงแรมยอรัล ริเวอร์ บางพลัด กรุงเทพฯ มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.) ก็จัดประชุม โฟกัส กรุ๊ป “กาสิโนถูกกฎหมาย...ทางรอดประเทศไทยจริงหรือ?” โดยมี นายจิระ ห้องสำเริง สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ
ก่อนการแสดงความเห็นที่ดุเดือดตามสมควรจะเริ่มขึ้น อภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ( มสส.) กล่าวเปิดงานว่า นโยบายตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เกี่ยวพันกับบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจดึงดูดนักท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศได้จริงหรือ และผลกระทบเรื่องภาระหนี้สิน ความสัมพันธ์ในครอบครัว ปัญหาการฆ่าตัวตาย ปัญหาคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐและปัญหาการฟอกเงิน จะจัดการอย่างไร ทำอย่างไรเราจึงจะสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับสังคมให้ได้
จากนั้น กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง จากภูมิใจไทยน้องชาย ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 สดๆร้อนๆ กล่าวว่า การนำสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน และทำให้ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ดี เท่าที่ได้เห็นร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรยังไม่เห็นด้วยเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การมีกาสิโน ปัญหาคือใครจะเป็นผู้ให้สัมปทาน ผลประโยชน์ที่รัฐบาลจะได้มันคุ้มค่าหรือไม่ การจะมองรายได้เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอต้องมองถึงผลเสียด้วย โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคมหากรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ ส่วนเงื่อนไขทั้งกลุ่มทุนที่สนใจจะลงทุนและการกำหนดคุณสมบัติของคนไทยที่จะเข้าไปเล่นพนันยังมีความไม่เหมาะสม นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลแก้ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจพนันรูปแบบใหม่ๆ
ส่วน ภัณฑิล น่วมเจิม สส.เขตวัฒนา-คลองเตย พรรคประชาชน แสดงความเห็นคล้ายกันว่า เห็นด้วยกับการนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อที่รัฐบาลจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีแต่ต้องมีมาตรการสร้างแรงจูงใจ นอกจากนั้นรัฐบาลต้องทำประชามติเพราะเรื่องนี้มีผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม สำหรับนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้นรัฐบาลยังขาดความชัดเจนว่าจะเน้นอะไรมากกว่ากัน พรรคประชาชนไม่ได้คัดค้านนโยบายนี้ แต่เห็นว่ารัฐบาลควรจะลดเงื่อนไขการลงทุน รวมถึงกระจายการลงทุนไปยังพื้นที่รอบนอก ไม่ใช่มากระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองหลวง หากรวมกับนโยบายเช่าที่ดิน 99 ปี ไปด้วยแล้วจะยิ่งเป็นปัญหา และขอยืนยันว่าใครที่คิดจะเปิดกาสิโนย่านท่าเรือคลองเตยคนคลองเตยไม่มีใครเห็นด้วยหากคิดจะเดินหน้า
เชื่อว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน
ด้าน ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารและรองประธานวิชาการ คนหนุ่มไฟแรงจากพลังประชารัฐยืนยันอย่างมั่นใจว่าที่มานั่งคุยกันบนเวทีตนเองน่าจะมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องบ่อนกาสิโนมากที่สุด สมัยเป็นหัวหน้านักเรียนไทยในสหรัฐฯ เมืองลาสเวกัส มีกาสิโนจำนวนมากตนมีหน้าที่คอยดูแลและติดตามนักเรียนไทยจากบ่อนกาสิโนให้กลับมาเข้าเรียน หลายคนที่เข้าไปเล่นพนันทั้งที่ยังขอเงินจากพ่อแม่แถมขอเกินวงเงินที่ใช้จ่ายจริง หลายคนเรียนไม่จบ บางคนต้องเลิกเรียนและย้ายเมืองหนีไปนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จึงเป็น “ดาบสองคม”ที่จะส่งผลเสียต่อสังคมไทย เนื่องจากผู้ลงทุนหวังผลกำไรส่งรายได้กลับประเทศตัวเอง ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็คือคนไทยที่เป็นคนจ่ายเงินให้กับธุรกิจนี้ อ่านร่างกฎหมายแล้วยังมีช่องโหว่หลายเรื่อง การศึกษาที่รัฐบาลทำไว้ก็ยังทำได้ไม่ครบ แม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลและวางเงื่อนไขในการเข้าไปเล่นพนัน แต่มันจะได้คุ้มเสีย เพราะแม้ลาสเวกัสเลือกพื้นที่ทะเลทรายเป็นที่ตั้งบ่อนกาสิโนดูแล้วเหมือนจะได้ประโยชน์ แต่ปรากฏว่าผลที่ตามมาคือปัญหาการก่ออาชญากรรม การปล้นชิงวิ่งราวและทะเลาะวิวาท
ส่วนศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. กล่าวว่า หากรัฐบาลเห็นว่าจำเป็นต้องทำเพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็ควรจะดึงความร่วมมือของ สส.มาร่วมพิจารณาว่าควรจะมีหรือไม่ส่วนตัวมองว่าเมืองไทยจำเป็นจะต้องมีแลนด์มาร์คแห่งใหม่ นอกเหนือจาก พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่มีอยู่ซึ่งคงไม่ต่างจากนโยบายซอฟต์ พาวเวอร์ ทั้งนี้ในส่วนของกาสิโนอาจต้องศึกษาในสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์และญี่ปุ่นได้ดำเนินการมาก่อน แต่แน่นอนจะต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิต ผลกระทบทางสังคมและสุขภาวะของประชาชนด้วย
จากนั้นได้เปิดเวทีให้สื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานแสดงความเห็น ส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าจากรายได้ ความเร่งรีบและความหละหลวมของข้อมูล ซึ่ง วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ดำเนินการข่าวเข้มประเด็นข้น เอฟเอ็ม 96.5 อสมท ที่ไปร่วมงานด้วยย้ำว่าต้องสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกระดับก่อนตัดสินใจและต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา เรื่องนี้ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่แล้วทั้งที่กัมพูชาและแอฟริกา
การแถลงนโยบายรัฐบาลจบไปแล้ว จากนี้คงได้เห็นรัฐบาลดันพ.ร.บ.กาสิโนถูกกฎหมายเข้าสภาแน่....ประชาชนจะทำอย่างไร หรือจะปล่อยให้เป็นเรื่องของนักการเมืองเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี