วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เป็นจริงดังประโยคที่ว่า “เบ้าหลอมที่ดีจะทำให้ได้ผลผลิตที่ดี” กับ “ไม่มีการสอนอะไรจะดีไปกว่าการลงมือทำให้เห็น” 2 ประโยคนี้ จะเห็นว่า มีความสอดรับกันอย่างลงตัว เพราะถ้าพูดถึง “คุณครู” ซึ่งถือเป็นเบ้าหลอมของเด็กนักเรียน หากมีความประพฤติดีเป็นที่ตั้ง จะทำให้การสอนเด็กๆ มีประสิทธิภาพ ไม่ถูกครหาว่า “พูดอย่าง ทำอย่าง”
ดังนั้นเพื่อให้เกิดการทำดีโดยเนื้อแท้ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ “ครูดีไม่มีอบายมุข” ประจำปีการศึกษา 2568 (ปีที่ 14) ภายใต้แนวคิด “ครูผู้อารี รับมือโลกเดือดแต่ใจไม่เดือด” พร้อมกิจกรรมเสริมพลังสร้างแรงบันดาลใจ “นักรบแนวหลัง” เพื่อย้ำบทบาทครูในฐานะกลไกสำคัญในการสร้างพลเมืองคุณภาพและพื้นที่การศึกษาปลอดปัจจัยเสี่ยง โดย นายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในพิธี และ นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณฯ ณ ห้องประชุมใกล้รุ่ง โรงเรียนราชวินิต กรุงเทพมหานคร
.jpg)
นายชาญวิทย์ ระบุว่า โครงการ “ครูดีไม่มีอบายมุข” เป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ครูเท่าทันบริบทสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุและค่านิยมบิดเบือน เพราะครูไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ต้องเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่มีคุณธรรม ห่างไกลอบายมุข เพื่อปกป้องและหล่อหลอมเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพด้วย
โครงการดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า อบายมุขคือ “ศัตรูของความสุข” เป็นความสุขลวงที่นำไปสู่ปัญหาหนี้สิน ความทุกข์ และบั่นทอนคุณภาพชีวิต ครูจึงต้องตระหนักถึงโทษของอบายมุข และเลือกสร้างความสุขทางเลือกที่ยั่งยืน อาทิ ความสุขจากการทำงานอย่างมีคุณค่า ความอบอุ่นในครอบครัว การดูแลสุขภาพ การอยู่กับธรรมชาติ และการช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งจะช่วยเสริมพลังใจให้ครูสามารถดำรงชีวิตและวิชาชีพได้อย่างผาสุก เป็นพลังสำคัญของสังคมไทยอย่างยั่งยืน
นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ประธานเครือข่ายงดเหล้า เปิดเผยว่า ปีการศึกษา 2568 มีผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาที่ตั้งใจรักษาศีล 5 งดเว้นอบายมุขทุกประเภท ผ่านการคัดเลือกเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ ถึง 333 คน จากผู้สมัครกว่า 3,000 คน โดยมุ่งเสริมพลังศีลธรรม พลังความดี ความงามเพื่อลดละเลิกอบายมุข พร้อมน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “คำพ่อสอน” มาสู่การปฏิบัติจริง ให้ครูดำรงตนอย่างเหมาะสม ประกอบสัมมาอาชีวะ และเป็นที่พึ่งของตนเอง ครอบครัว และเป็นที่พึ่งของนักเรียนโดยเฉพาะการสร้าง “ความรัก” หรือ Safe Zone ให้กับนักเรียน
.jpg)
ทางด้าน นายสัญญา ประชากูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแฮดศึกษา สพม.ขอนแก่น ในฐานะประธานรุ่นครูดีไม่มีอบายมุข ปี 2568 นำกล่าวเจตนารมณ์ พร้อมเสนอแนวทางพัฒนาการศึกษาไทยควบคู่การป้องกันเยาวชนจากอบายมุข 5 ประการ ได้แก่ 1.การส่งเสริมให้ครูและผู้บริหารปลอดอบายมุขเป็นต้นแบบคุณธรรม 2. การยกย่องเชิดชูครูต้นแบบ 3.การกำหนดกิจกรรมทางการศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์และบุหรี่ 4.การผลักดันโครงการครูดีไม่มีอบายมุขสู่ระดับชาติ และ 5. การพัฒนาสถานศึกษาและชุมชนรอบข้างให้เป็นพื้นที่ปลอดอบายมุขอย่างยั่งยืน
นางสาวธนวรรณ ผิวบัวคำ ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนวัดเนินพระปรางค์ สพป.สุพรรณบุรี เขต 2 เปิดใจถึงการเข้าร่วมโครงการครูดีไม่มีอบายมุข ว่า เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต จากเดิมที่เคยดื่มสุรา สูบบุหรี่ และเล่นการพนัน พอเลิกสิ่งเหล่าสี้ก็ทำให้สุขภาพกายใจดีขึ้น รูปร่างดี สมรรถนะการทำงานสูงขึ้น และสามารถบูรณาการหลักศีล 5 สู่การเรียนการสอน จนประสบความสำเร็จในการเลื่อนวิทยฐานะเป็นครูชำนาญการ ดังนั้นขอยืนยันว่าจะมุ่งพัฒนาตนเองเพื่อร่วมยกระดับคุณภาพการศึกษาในอนาคต
ขณะที่นายกุลยุทธ จำนงค์ศาสตร์ (ครูสไปร์ส) โรงเรียนพลร่มอนุสรณ์ มิตรภาพที่ 50 สพป.ลพบุรี เขต 1 สะท้อนว่า ชีวิตตนเหมือนคนรุ่นใหม่หลายคนที่อยู่ไกลหลักศาสนา มุ่งใช้ชีวิตที่สุขจากการสังสรรค์ ดื่มเที่ยวอบายมุข แล้วคิดว่านั่นคือความสุขของชีวิต แต่ก็เกิดคำถามขึ้นในใจมาตลอดว่า “ความสุขที่แท้จริงคืออะไร” และถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนชวนเข้าร่วมโครงการนี้ โดยไปร่วมอบรมค่ายที่บ้านราชธานีอโศก จึงได้พบว่า ความสุขที่มาจากข้างในจริงๆ ของชาวอโศก ทำไมเขาจึงยิ้มได้ตลอดเวลา เมื่อค้นพบแล้วก็ได้ปรับตัวเอง เลิกอบายมุขทุกอย่าง แต่งานเกษียณที่ผ่านมาจำเป็นต้องดื่มนิดหน่อย จึงได้บอกกับกรรมการว่าตนเองผิดศีลข้อ 5 ไปแล้ว เพราะสำนึกว่าหากไม่บอกความจริงก็จะผิดศีลข้อ 4 อีก จึงเลือกผิดข้อเดียว ซึ่งกรรมการก็ให้โอกาสที่เรายอมรับและปรับปรุงตัวเอง
.jpg)
“สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเราเปลี่ยนแล้ว นักเรียนก็เปลี่ยนแปลง เกิดความสุขที่แท้จริง”
นางสาวณัฐมล ธารดรรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนทมป่าข่า สพป.อุดรธานี เขต 2 ก็บอกเช่นกันว่า รางวัลโล่ “ครูดีไม่มีอบายมุข” ไม่ใช่เพียงรางวัลเชิดชูเกียรติ แต่คือเกราะและภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืนของวิชาชีพครู การเป็นแบบอย่างที่ดีมีคุณค่ายิ่งกว่าคำสอน และเป็นพลังสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้ครูทั้งระบบ ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานต้นสังกัดสนับสนุนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงเกิดกับผู้เรียน ซึ่งจะเติบโตเป็นพลังสำคัญของสังคมไทยในอนาคต
ภายหลังจากการรับโล่แล้ว ครูที่ได้เข้าโครงการจะเป็นเครือข่ายครูดีไม่มีอบายมุขร่วมกับรุ่นก่อนๆ กว่า 4 พันคน เพื่อจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักเรียนในระดับห้องเรียน สถานศึกษาและสังคมชุมชน โดยหวังว่านโยบายของกระทรวงศึกษาธิการจะให้ความสำคัญกับ “จิตสำนึกครู” ผ่านกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามแนวทางคำพ่อสอน โดยสามารถติดตามกระบวนการได้ทางเพจเฟสบุ๊ค “โรงเรียนคำพ่อสอน” หรือ เพจ “ครูดีไม่มีอบายมุข”
นี่แหละ เขาถึงบอกว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน เพื่อปลูกเมล็ดพันธุ์คนดี จึงต้องมี “ครูดีไม่มีอบายมุข”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี