เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ต.วาทิต จิตรจันทึก สว.กก.6 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายสุขธรรม หรือ‘เฮียกุ่ย รัชดา’ อายุ 70 ปี นายธรรมยุทธ์ หรือ ‘อาจารย์ยอด’ อายุ 60 ปี เจ้าของศูนย์มหาสมบัติ 3 แผ่นดิน และนายไตรเทพ อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1574-1576 /2563 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2563 ตามลำดับ ข้อหาปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เพื่อให้ผู้อื่นหลวงเชื่อว่าเป็นเอกสารจดหมายเหตุที่แท้จริง , ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ

ทั้งนี้ สามารถจับกุมนายสุขธรรม ได้ที่หน้าบ้านพักภายในซอยรัชประชา 4 แขวงและเขตจตุจักร กทม.ส่วนนายธรรมยุทธ์ จับกุมตัวได้ที่หน้าอาคารจัดแสดงศูนย์มหาสมบัติ 3 แผ่นดิน ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะที่นายไตรเทพ จับกุมได้ที่บ้านพักในซอยหมู่บ้านปิ่นเจริญ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายธรรมยุทธ์ ได้จัดสร้างศูนย์มหาสมบัติ 3 แผ่นดิน โดยมีการจัดแสดงสมบัติที่อ้างว่าเป็นสมบัติมีค่า และวัตถุโบราณ อาทิ พระเครื่องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่มีกว่า 5 แสนองค์ แม่พิมพ์ รวมถึงบล็อกทองคำต่างๆ จำนวนมาก โดยระบุว่าทั้งหมดเป็นของหลวงวิจารณ์เจียรนัย บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งกล่าวขานกันว่าเป็นช่างหลวงในราชสำนัก และเป็นผู้แกะพิมพ์พระสมเด็จฯ ถวายสมเด็จพระพุฒาจารย์โต และเป็นผู้ผสมมวลสารสร้างพระสมเด็จฯ มีการนำวัตถุโบราณจำพวกหยก เสื้อผ้าโบราณ และของมีค่าจากประเทศจีนสมัยราชวงศ์ชิง มาจัดแสดงโชว์ด้วย

ในส่วนของพระเครื่องสมเด็จฯ นายธรรมยุทธ์ แอบอ้างว่าบล็อกและแม่พิมพ์ เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษคือ หลวงวิจารณ์เจียรนัย เนื่องจากตนเองนั้นมีศักดิ์เป็นทายาทรุ่นที่ 6 สิ่งเหล่านี้ถูกเก็บไว้นานกว่า 140 ปี พร้อมกับนำภาพถ่ายโบราณของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีตราประทับรับรองจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อ้างว่าเป็นภาพของหลวงวิจารณ์ฯ สร้างความน่าเชื่อถือ ขณะที่วัตถุโบราณสิ่งของจากประเทศจีน ก็อ้างว่าเป็นสมบัติของมารดาที่ขนมาจากประเทศจีน ก่อนเข้ามาตั้ถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย

ต่อมาศูนย์แห่งนี้ มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไป เข้าชม และมีการเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ ลงในเว็บไซต์ยูทูป รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ช่องทางต่างๆ ลักษณะเป็นคลิปวีดีโอ มีการนำใบตรวจมวลสารของสถาบันนิวเคลียร์ที่ทำปลอมขึ้นมาสร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้งประกาศแจกพระเครื่องสมเด็จฯ ที่อ้างว่าเป็นของแท้ให้ประชาชนฟรีๆ 2 แสนองค์ เพียงแต่ต้งอยอมจ่ายเงินค่ากรอบและสร้อยพระคนละ 1,000 บาท จนมีผู้หลงเชื่อหลายหมื่นราย ยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวแลกกับการได้รับพระเครื่อง

มีรายงานว่า หนึ่งในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเป็นนายแพทย์ ที่มาติดต่อขอเช่าพระเครื่องดังกล่าวในราคา 1.8 ล้านบาท เมื่อได้พระเครื่องมาแล้ว ได้นำไปให้เซียนพระ และสถาบันต่างๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบพระเครื่อง ได้ทำการตรวจสอบ กลับปรากฏว่าเป็นพระเครื่องปลอม จึงนำไปสู่การตรวจสอบใบรับรอง ตรวจสอบตราประทับหอจดหมายเหตุฯ และคำกล่าวอ้างต่างๆ ทำให้ทราบว่าเป็ฯการปลอมแปลงและกุเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมด จึงมีการแจ้งความดำเนินคดี และทางกรมศิลปากร ก็เป็นผู้เสียหายร่วมด้วย

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การภาคเสธ โดยนายธรรมยุทธ์ อ้างว่าไม่มีเจตนาหลอกลวงประชาชน เพราะตนก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นพระเครื่องปลอม รวมทั้งสิ่งของต่างๆ ล้วนเป็นมรดกตกทอดที่ได้รับมาและยืนยันว่าเป็นเหลนของหลวงวิจารณ์ฯ ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป