ฟ้องคดีต่อศาลอาจโดนฟ้องกลับ ในความผิดฐานฟ้องเท็จในกรณีไหนบ้าง
การฟ้องเท็จ หมายถึง การนำเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงหรือเกิดขึ้นจริงแต่มาฟ้องในความผิดที่แรงขึ้น ซึ่งหลักการในเรื่องของการฟ้องเท็จนั้นถูกบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175 กล่าวคือ ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
การถูกดำเนินคดีอาญา ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกข์ใจและอาจทำให้เกิดความเสียหายและความลำบากแก่บุคคลผู้ถูกดำเนินคดีค่อนข้างจะมาก ดังนั้น กฎหมายจึงกำหนดป้องกันการนำเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงมาฟ้องร้องเพื่อกลั่นแกล้งกัน แต่การนำคดีที่เกิดขึ้นจริงและเชื่อว่าอาจจะเป็นความผิดมาฟ้องคดีกันนั้นแม้ภายหลังศาลจะยกฟ้องหรือไม่ประทับรับฟ้องก็ไม่เป็นความผิดฐานฟ้องเท็จ เช่น การฟ้องคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้ภายหลังศาลจะตัดสินยกฟ้องเนื่องจากข้อความดังกล่าวไม่เป็นการหมิ่นประมาทก็ไม่ถือว่าเป็นการนำฟ้องเท็จมาฟ้องต่อศาล
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4162/2536 ความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 นั้น นอกจากผู้กระทำจะต้องเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่าได้กระทำความผิดอาญาแล้วผู้กระทำจะต้องรู้ว่าความที่นำมาฟ้องนั้นเป็นเท็จ จำเลยทั้งสองร่วมกันฟ้องโจทก์ว่า โจทก์กระทำความผิดอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ โดยบรรยายฟ้องว่าโจทก์ใช้ชายหลายคนให้ทุบทำลายผนังตึกกำแพงด้านหลัง อาคาร ของจำเลยทั้งสองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเข้าใจว่ากำแพงพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสองถือได้ว่าจำเลยทั้งสองไม่รู้ว่าความที่นำมาฟ้องโจทก์นั้นเป็นเท็จการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงขาดเจตนาที่จะทำให้เป็นความผิดฐานฟ้องเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1032/2534 ความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ต้องเป็นกรณีที่จำเลยเอาความเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดทางอาญา และจำเลยต้องมีเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 โดยต้องรู้ว่าความที่นำมาฟ้องนั้นเป็นเท็จ เมื่อการกระทำของโจทก์ทำให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์ถอนต้นยูคาลิปตัสของจำเลยจำเลยย่อมไม่รู้ว่าความที่นำมาฟ้องโจทก์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์นั้นเป็นเท็จการที่จำเลยฟ้องโจทก์โดยมีเหตุอันควรเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นการกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาและไม่มีมูลความผิดฐานฟ้องเท็จและการที่จำเลยฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลย เมื่อโจทก์ได้เข้าไปในที่ดินของจำเลยจริง ฟ้องดังกล่าวจึงไม่เป็นความเท็จ
การฟ้องเท็จมีแต่เฉพาะคดีอาญาเท่านั้น การนำคดีแพ่งมาฟ้องแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงก็จะไม่มีความผิด
ฐานฟ้องเท็จ แต่อาจจะมีความผิดฐานอื่นเช่น เบิกความเท็จ หรือทำพยานหลักฐานเท็จ
จะเห็นได้ว่ากรณีที่จะเป็นฟ้องเท็จนั้นจะต้องประกอบด้วยสาระสำคัญคือ 1.ข้อเท็จจริงที่นำมาฟ้องนั้นไม่เป็นความจริงประกอบกับ 2.ผู้ฟ้องคดีนั้น รู้อยู่แล้วในขณะที่ฟ้องคดีว่าไม่เป็นความจริง ส่วนในคดีแพ่งนั้นจะไม่เป็นการฟ้องเท็จยกเว้นการเบิกความเท็จ แต่หากการนำคดีแพ่งมาฟ้องที่ไม่เป็นความจริงอาจเป็นความผิดฐานละเมิดซึ่งเป็นกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี