‘บิ๊กโจ๊ก’เร่งสางคดี
ฆ่าหั่นศพเยอรมัน
พบโอลาฟวางแผน
โยนผิดผู้ต้องหาอื่น
“บิ๊กโจ๊ก” รองผบ.ตร.เร่งสางคดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจเมืองเบียร์ ขีดเส้นตม.ส่งข้อมูลแก๊งมาเฟียเมืองพัทยา ภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนลุยกวาดล้างครั้งใหญ่ ด้านผู้การสืบภาค2 รุดสอบปากคำ “ชาฮ์รูค” หนึ่งในผู้ต้องหา ญาติเชื่อถูกข่มขู่ให้ร่วมแก๊ง พบข้อมูล “โอลาฟ” ตัวการใหญ่ วางแผนโยนความผิดให้คนอื่น
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฆ่าหั่นศพ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชาวเยอรมัน ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ได้แล้ว ประกอบด้วย นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ นางเพทร่า คริสเทิล กรุนกิฟท์ ทั้งสองสัญชาติเยอรมัน และนายชาฮ์รูค คารีม สัญชาติไทย เชื้อชาติปากีสถาน และ น.ส.นิโคล เฟรเวล ชาวเยอรมัน เจ้าของบ้านเช่าที่พบศพ ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งหมด ที่ต้องใช้ในการประกอบสำนวนการสอบสวนคดีนี้
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของกลุ่มแก๊งที่อยู่ในพื้นที่พัทยาและพักอาศัยใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รวมถึงตรวจสอบการขออนุญาตอยู่ต่อ ในรูปแบบของวีซ่ารีไทร์เมนท์ โดยให้ลงพื้นที่สกรีนเป้าหมายทั้งหมด โดยกำหนดให้ส่งมอบข้อมูลภายใน 2 สัปดาห์ และจะมีการลงพื้นที่กวาดล้างกลุ่มแก๊งเหล่านี้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องจับตาดูกลุ่มชาวต่างชาติที่มาอยู่เมืองไทย ไม่มีงานทำ มีพฤติกรรมขับขี่จักรยานยนต์ฮาเล่ย์ฯ มีรอยสักเป็นตราสัญลักษณ์ของแก๊ง และใช้วีซ่ารีไทร์เมนท์ โดยจะใช้มาตรการของ ตม.ในการเพิกถอนวีซ่าและส่งกลับประเทศต้นทาง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จะไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้มาอาศัยพัทยา เป็นที่พักพิง ฉะนั้นการที่ ตม.จะต่อวีซ่าให้แก่กลุ่มบุคคลที่มีรอยสักเป็นกลุ่มแก๊ง ต้องพิจารณาว่าออกวีซ่ารีไทร์เมนท์ ไม่ได้ เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้เข้าประเทศ แล้วมาก่ออาชญากรรม ด่านแรกคือ ตม.ต้องตรวจสอบ และกวาดล้างกลุ่มแก๊งทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม badidose หรือ outlaws หลังจากกวาดล้างกลุ่มใหญ่ที่พัทยาได้ เชื่อว่าหัวเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กลุ่มแก๊งพวกนี้อาศัยอยู่ก็ต้องเผ่นหนี จะให้อยู่ในประเทศไม่ได้ หากจุดไหนที่เจ้าหน้าที่รัฐอ่อนแอ กลุ่มพวกนี้ก็จะไปที่นั่น เพราะฉะนั้น ตม.ต้องเข้มแข็ง ตนกำชับและสั่งการไปแล้ว
อีกด้านหนึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายชาฮ์รูค มาไว้ที่ห้องขัง สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยการแยกขังผู้ต้องหาเพื่อไม่ให้ได้พูดคุยกัน ประกอบกับทนายความ และญาติของนายชาฮ์รูค แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายโอลาฟ หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นตัวการใหญ่ มีการข่มขู่จะลักพาตัวน้องสาวและแฟนของนายชาฮ์รูค จึงเกรงว่าหากนำตัวเข้าไปเจอกันที่ห้องขัง สภ.หนองปรือ จะทำให้ผู้ต้องหาเกิดความเครียด
ต่อมา พล.ต.ต.ธีระชัย ชํานาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ได้ร่วมสอบปากคำนายชาฮ์รูค โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง จากนั้นญาติของนายชาฮ์รูค ได้เดินทางเข้าเยี่ยมพร้อมกับนำน้ำดื่มและเคบับไก่ 2 ม้วน มาให้รับประทาน โดยนายชาฮ์รียาร์ อายุ 30 ปี พี่ชายนายชาฮ์รูค กล่าวว่า น้องชายยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แต่ที่ต้องตกเป็นผู้ร่วมขบวนการ เพราะถูกนายโอลาฟ ข่มขู่จะลักพาตัวน้องสาวและแฟน โดยมีการส่งรูปภาพไปให้สมาชิกแก๊ง outlaws หากใครเจอให้จัดการได้ทันที ที่ผ่านมานายชาฮ์รูค มีอาชีพเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน ส่วนใหญ่จะมีกลุ่มลูกค้าทางภาคใต้ ทำให้รู้จักกับนางแพทร่า ที่ทำธุรกิจร่วมกัน และรู้จักกับนายโอลาฟ ซึ่งชื่นชอบจักรยานยนต์ฮาเล่ย์ฯ และอยู่ในวงการไบค์เกอร์ เหมือนกัน
ขณะที่ทางตำรวจได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือที่เจอในวันพบศพ ไม่ใช่ของผู้เสียชีวิต แต่เป็นโทรศัพท์ที่นายโอลาฟ และนางแพทร่า เพิ่งซื้อมาใหม่ แล้วนำมาทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยโทรศัพท์เครื่องจริงของผู้เสียชีวิต พบสัญญาณไปปรากฏอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งตำรวจกำลังสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และยังพบว่ามีการลงทุนซื้อเรือสปีดโบ๊ท เพื่อเตรียมนำศพผู้เสียชีวิตไปทิ้งทะเล ที่สำคัญตำรวจยังพบว่านายโอลาฟ มีการวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องรับโทษโดยจะโยนความผิดให้กับคนอื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี