เมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกับสำนักงานคระกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดปฏิบัติการจับกุมผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำกระท่อมผสมพร้อมดื่ม โดยยึด อายัด ผลิตภัณฑ์ไม่มี อย.เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต และวัตถุดิบจำนวนมาก รวมทั้งสถานที่ผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ มีการใช้แรงงานต่างด้าวบรรจุขวดผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีใช้มือกรอก ในบ้านพักพื้นที่ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
ทั้งนี้ พบว่าเป็นการผลิตน้ำกระท่อม ที่มีการผสมตัวยา เป็นสารเสพติดในรูปแบบใหม่ โดยเป็นผลิตภัณฑ์น้ำหวานรสชาติต่างๆ เช่น กลิ่นสตอเบอรี่ องุ่น แอปเปิ้ล ลิ้นจี่ ฯลฯ โดยมีการโฆษณาว่า ‘เน้นดีด ไม่เน้นซึม’ และรับประกันความ ‘ยัน’ ที่เป็นศัพท์แสลง ใช้ในหมู่วัยรุ่นภาคใต้ หมายถึง มีอาการมึนเมาหลังจากเสพเข้าไป
ผู้ต้องหารับว่าผลิตขายได้เป็นล่ำเป็นสัน เนื่องจากราคาขายส่งเพียงขวดละ 60-70 บาท ผลิตขายตกวันละไม่ต่ำกว่า 150 ขวด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ยึดไว้ได้ ให้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันผลตรวจ หากพบสารที่เป็นอนุพันธ์ทางยา และสารเสพติด ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ผบก.ปคบ.ระบุว่า ที่ผ่านมากระแสการนำผลข้างเคียงจากยา กลุ่มแก้แพ้ แก้ไอ แก้ปวด ไปใช้เป็นส่วนผสมเครื่องดื่มในลักษณะสารเสพติดที่เรียกว่า “4x100” หรือ Lean (ลีน) เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา เป็นที่นิยมมากและมีอัตราสูงขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายและสุขภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรม สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนได้
การแพร่ระบาดของการใช้น้ำใบกระท่อมผสมเป็นเครื่องดื่ม “4x100” ซึ่งเป็นพฤติกรรมเสพสารเสพติดที่พบมากในกลุ่มวัยรุ่น เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเชิงสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการบังคับใช้กฎหมาย
สำหรับองค์ประกอบของเครื่องดื่ม 4x100 โดยทั่วไปจะประกอบด้วย น้ำต้มใบกระท่อม (มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท) น้ำอัดลม ยาแก้แพ้ หรือยาแก้ไอ เช่น ซีพีเอ็ม หรือไดเฟนไฮดรามีน ที่มีฤทธิ์กดประสาท
ส่วนผสมอื่น เช่น เหล้าขาว หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ผลที่ได้คือฤทธิ์ผสมของยากระตุ้นและกดประสาท ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการมึนเมา ประสาทหลอน สูญเสียการควบคุมตนเอง และเสี่ยงต่อการเสพติดด้วย
ในส่วนของสาเหตุของการแพร่ระบาดนั้น เป็นเพราะใบกระท่อมมีราคาถูกกว่ายาเสพติดชนิดอื่น หาซื้อง่าย และมีความเข้าใจผิด ว่าไม่อันตราย ส่วนหนึ่งเพราะใบกระท่อม ถูกปลดล็อกจากบัญชียาเสพติด ในปี 2564 รวมถึงค่านิยมในกลุ่มเพื่อนที่มักจะร่วมวงดื่มกินกันเมื่อมารวมตัวกัน
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่เกิดการระบาดในวัยรุ่นภาคใต้ เป็นส่วนใหญ่ เป็นเพราะบางแห่งเป็นพื้นที่ห่างไกล เมื่อขาดการศึกษาและทำความเข้าใจจึงมีแนวโน้มที่สารเสพติดดังกล่าวจะถูกใช้กันมาก โดยขาดการควบคุม
ผลที่เกิดขึ้นตามมา เมื่อมีการใช้สารเสพติด 4x100 กันมากขึ้น ก็จะพบว่าผู้เสพบางรายมีพฤติกรรมรุนแรง ก่อคดีอาชญากรรมอันส่งผลกระทบต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมวงกว้าง เยาวชนซึ่งควรเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ กลับต้องเสียอนาคตไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา ภาครัฐควรดำเนินการ 1.สร้างการสื่อสารและให้ความรู้ รณรงค์ให้ความรู้ผ่านโรงเรียน ชุมชน และสื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย ให้มีการแยกแยะอย่างชัดเจนระหว่างการใช้ใบกระท่อมทางการแพทย์ และการใช้เป็นสารเสพติด
2.ควบคุมการจำหน่ายใบกระท่อมโดยออกข้อบังคับท้องถิ่น เช่น ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควบคุมการโฆษณา และโปรโมตใบกระท่อมในรูปแบบที่ผิดกฎหมาย 3.ส่งเสริมทางเลือกเชิงบวกสำหรับเยาวชน สนับสนุนกิจกรรมทางเลือก เช่น กีฬา ดนตรี การฝึกทักษะอาชีพ ให้ทุนการศึกษาและโอกาสในการประกอบอาชีพแก่เยาวชนกลุ่มเสี่ยง
4.การรักษาและบำบัดผู้เสพ โดยจัดระบบบำบัดฟื้นฟูผู้เสพในพื้นที่ เน้นรูปแบบชุมชนบำบัด
สนับสนุนครอบครัวและชุมชนในการดูแลและฟื้นฟูผู้ติดยา และ 5.บังคับใช้กฎหมายควบคู่กับความเข้าใจ
แก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถควบคุมการใช้ในเชิงผิดวัตถุประสงค์ ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจบริบททางสังคมและวัฒนธรรมในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม
ขณะที่ข้อเสนอเชิงนโยบาย ควรออกระเบียบท้องถิ่นเกี่ยวกับการจำหน่ายและใช้ใบกระท่อม
จัดตั้งศูนย์ป้องกันและฟื้นฟูยาเสพติดระดับตำบล บูรณาการหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น และภาคประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ใบกระท่อมในเชิงของสารเสพติด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี