แนวหน้าวิเคราะห์ : ปัญหาการคัดแยกขยะ ต้องร่วมมือจากทุกภาคส่วน

แนวหน้าวิเคราะห์ : ปัญหาการคัดแยกขยะ ต้องร่วมมือจากทุกภาคส่วน

วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 08.00 น.

พลันกรุงเทพมหานคร ออกนโยบายเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ โดยจะมีการเรียกเก็บค่าบริการในการจัดเก็บขยะเพิ่มขึ้น หากไม่มีการคัดแยกขยะ จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง ว่าเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม มากน้อยเพียงใด

ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานคร ชวนชาวกรุง โหลดแอปฯ BKK Waste Pay ซึ่งไม่ใช่แอปฯ ที่ใช้สำหรับดูบิลค่าขยะโดยตรง แต่เป็นแอปฯ สำหรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ‘บ้านนี้ไม่เทรวม’ เพื่อลดขยะ ลดค่าธรรมเนียมของกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนแยกขยะที่ต้นทาง และมีผลต่อการลดค่าธรรมเนียมการจัดการขยะใน กทม.


หากจะวิเคราะห์ปัญหาการจัดการขยะใน กทม.จะพบว่าปัจจุบันประชากรที่อยู่ประจำและหมุนเวียนเข้า-ออก กทม.ผลิตขยะเฉลี่ย 9,000-10,000 ตันต่อวัน ขยะจำนวนมากเหล่านี้ ไม่ได้ถูกคัดแยก ตั้งแต่ต้นทาง ทำให้เกิดปัญหาในการกำจัด

สำหรับสัดส่วนของขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย ถูกปะปนกัน ทำให้การกำจัดขยะต้องใช้งบประมาณสูง เช่น ค่าขนส่ง ค่ากำจัด ค่าแรงพนักงาน ฯลฯ

พื้นที่ฝังกลบหรือศูนย์กำจัดขยะบางแห่งมีข้อจำกัดด้านความจุ

ปัญหาหลักของเรื่องนี้ เกิดจากการขาดระบบคัดแยกขยะที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ ขาดแรงจูงใจ หรือบทลงโทษที่เข้มงวดกับผู้ที่ยังทิ้งขยะโดยไม่คัดแยกประเภท

ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่มีพฤติกรรมคัดแยกขยะเป็นนิสัย หน่วยงานรัฐ ก็ยังขาดการบูรณาการในการทำงานร่วมกัน และงบประมาณในการส่งเสริมการคัดแยก ก็ไม่เพียงพอ โดยขยะพลาสติกและขยะอินทรีย์ เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในการจัดการ

ประเด็นการเรียกเก็บค่าขยะเพิ่ม หากไม่คัดแยก กรุงเทพมหานคร มีแผนจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมขยะเพิ่ม หากประชาชน ไม่คัดแยกขยะ โดยปัจจุบันค่าธรรมเนียมจัดเก็บขยะ เฉลี่ยอยู่ที่ 20-120 บาท/เดือน ต่อครัวเรือน โดยแนวคิดที่จะปรับให้มี 2 อัตรา ได้แก อัตราปกติสำหรับผู้ที่คัดแยกขยะ อัตราเพิ่มสำหรับผู้ไม่คัดแยกขยะ โดยอาจเพิ่มถึง 2-5 เท่า หมายความว่าอาจจะมีการเรียกเก็บถึง 500-600 บาทต่อเดือน

กรุงเทพมหานคร มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชน แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง

ทั้งนี้ ข้อดีของการคัดแยกขยะ คือแรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่กระตุ้นให้ประชาชนมีวินัยมากขึ้น

ลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด ลดภาระของรัฐ ช่วยให้ระบบรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ ทำได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังว่าอาจกระทบกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หากไม่มีมาตรการรองรับ

ต้องมีระบบตรวจสอบ และเก็บข้อมูลที่โปร่งใส ยุติธรรม ถ้าขาดการประชาสัมพันธ์ อาจสร้างความไม่เข้าใจหรือการต่อต้านให้เกิดขึ้นได้

ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ในระดับครัวเรือน/ชุมชน ควรส่งเสริมการคัดแยกขยะ 4 ประเภท ได้แก่ ขยะอินทรีย์ , ขยะทั่วไป , ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย

จัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิลในชุมชน สนับสนุนการทำปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์ เพื่อใช้ในพื้นที่ชุมชน วัด โรงเรียน หรือสถานที่สาธารณะ โดยรณรงค์ผ่านชุมชน วัด โรงเรียน หรือผู้นำชุมชนต่างๆ

ขณะที่ระดับนโยบาย ภาครัฐควรบังคับใช้กฎหมาย หรือกำหนดข้อบัญญัติท้องถิ่น เรื่องการคัดแยกขยะอย่างจริงจัง จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถังแยกขยะ จุดรับขยะอันตราย ส่งเสริมความร่วมมือกับ เอกชน เช่น ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ให้รับคืนขยะ สร้าง ระบบติดตาม ให้รางวัล ลงโทษ ที่เป็นธรรมและชัดเจน

ในระดับภาคเอกชน ควรสนับสนุนผู้ประกอบการ ให้ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ รีไซเคิลได้ สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ามีส่วนร่วม เช่น สะสมแต้มแลกของเมื่อแยกขยะ สร้างพันธมิตรกับกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานเขต หรือระดับชุมชน เพื่อบริหารจัดการขยะร่วมกัน

สำหรับการเก็บค่าขยะเพิ่ม ถ้าไม่คัดแยกในพื้นที่ กทม.เป็นมาตรการที่อาจจะช่วยลดปัญหาได้ในระยะยาว หากว่ามีการจัดการและการสื่อสารที่ดี โดยต้องดำเนินการควบคู่กับการให้ความรู้และสร้างจิตสำนึก การสร้างระบบแยกขยะที่เข้าถึงง่าย การสนับสนุนกลุ่มเปราะบาง หรือผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้ความร่วมมือจนเกิดเป็นนิสัย และการตรวจสอบและบริหารจัดการอย่างโปร่งใสหน่วยงานกำกับดูแล

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top