ก่อนหน้านี้ ตำรวจกองปราบปราม ได้เปิดปฏิบัติการ ‘ถอนสมอเจ้าพ่อเว็บพนันอีสานใต้ ตี๋ใหญ่ 888’ โดยปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 14 จุดใน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นครนายก และชลบุรี จับกุมเจ้าของเว็บ และเครือข่ายรวม 13 ราย ยึดของกลาง รถยนต์ 23 คัน โฉนดที่ดิน 49 รายการ เครื่องใช้แบรนด์เนม 46 รายการ ทองคำ 5 รายการ บัญชีธนาคาร 30 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 29 ใบ และทรัพย์สินต่างๆ รวม 160 รายการ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

                การดำเนินการดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ในประเทศไทย ยังเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการบังคับใช้กฎหมาย

                หากมองในส่วนของการลักลอบเปิดเว็บพนัน จะพบว่าเว็บพนันต่างๆ ส่วนใหญ่มีลักษณะหรือรูปแบบการดำเนินการโดยใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย

                โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งมีกฎหมายการพนันอย่างเสรี อย่างในประเทศเพื่อนบ้าน มีการใช้แพลทฟอร์มออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชั่นต่างๆ โฆษณาชักชวนให้คนทั่วไป เข้ามาเล่นการพนัน มีการใช้บัญชีธนาคารผู้อื่น หรือผู้รับจ้างเปิดบัญชี ที่เรียกว่า บัญชีม้า เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน

                ส่วนโครงสร้างของการจัดทำเว็บพนัน ก็จะใช้ระบบตัวแทน (Agent) คล้ายการทำธุรกิจเครือข่าย มีหัวหน้าเว็บ ตัวแทนระดับรองลงมา และกลุ่ม “แอดมิน” ที่ทำหน้าที่ดูแลลูกค้า

                มีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิด โดยเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายบัญชีธนาคาร แปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงนำไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจอื่นๆ ที่ถูกกฎหมาย เพื่อบังหน้า

                สำหรับปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการลักลอบเปิดเว็บพนัน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นความนิยมในการเล่นการพนันในวัฒนธรรมไทย แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่อุปนิสัยของคนไทยจำนวนไม่น้อย ยังชื่นชอบการเสี่ยงโชค

                ประกอบกับปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (สมาร์ทโฟน) มีการใช้อย่างแพร่หลาย ยิ่งมีเรื่องความสะดวก

                เงินหมุนเวียนในการพนันออนไลน์ มีจำนวนมหาศาล ยิ่งเกื้อหนุนให้คนกล้าเสี่ยงกระทำผิด

                นอกจากนี้ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายก็ยังมีช่องโหว่ และบางครั้งเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปราบปราม กลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หรือหลับตาข้างหนึ่ง แลกกับการรับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้กระทำความผิด จนเกิดวงจรอุบาทว์ ที่ไม่สามารถแก้ไขให้หมดสิ้นลงไปได้

                ด้านมาตรการที่มีการบุกจับและปิดเว็บไซต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และหน่วยงานต่างๆ มีการสืบสวน จับกุม และปิดเว็บไซต์พนันโดย กสทช.ไปนับพันแห่ง แต่การไล่จับ ไม่มีวันหมด

                การไล่จับก็เหมือนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้นการรณรงค์ให้รู้เท่าทันโทษภัยของการพนัน ย่อมน่าจะเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด

                ที่ผ่านมาภาครัฐ ได้จัดทำโครงการ “รู้ทันพนันออนไลน์” หรือการให้ความรู้ ตามโรงเรียนและชุมชน เป็นเรื่องที่ดีที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

                ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ หากยังพบการกระทำผิด  ต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด

                อย่างไรก็ตาม ปัญหาพนันออนไลน์ มีหลายฝ่ายให้ความเห็นว่า ต้องแก้กฎหมายให้ทันสมัย เช่น การออกกฎหมายควบคุมการพนันออนไลน์โดยเฉพาะ

                รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ ทั้งด้านเทคโนโลยี การสืบสวน และการใช้เครื่องมือทางไซเบอร์

                นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อจัดการกับเว็บพนันที่มีฐานในการกระทำผิดอยู่ในต่างประเทศ ทั้งหมดรวมกัน จึงยังพอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์