สถานการณ์การเมืองในสภาผู้แทนราษฎรช่วงนี้ของรัฐบาล “แพทองธาร” อยู่ในภาวะกดดันอย่างหนัก หลังถูกฝ่ายค้านใช้กลยุทธ์“เช็คองค์ประชุม”อย่างต่อเนื่อง จนหลายครั้งประธานที่ประชุมต้องชิงสั่งปิดประชุมเพื่อหลีกเลี่ยง “สภาล่ม”เป็นภาพที่เกิดขึ้นบ่อยหลังเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทน สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เพียงสะท้อนปัญหาวินัยของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงเสถียรภาพของ“รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ”ที่ต้องเผชิญกับการทดสอบครั้งสำคัญในสภา
โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ ระหว่างวันที่ 13–15 สิงหาคม จะเป็นศึกชี้ชะตาในสภาของรัฐบาล‘แพทองธาร’ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี2569วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท เพื่อพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 หลังคณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้พิจารณาเสร็จสิ้น โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การปรับลดงบฯบางส่วนของหน่วยงานต่างๆไปเพิ่มในส่วนของงบกลางฯกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดูแลผลกระทบจากภาษีสหรัฐ
ในปีนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 ได้สรุปรายการปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี2569 โดยทุกกระทรวงและส่วนราชการถูกปรับลดงบประมาณ ทั้งสิ้น 8,920,781,300 บาท โดยกรรมาธิการ ได้จัดสรรให้ 7 หน่วยงาน ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอตามความเหมาะสมและจำเป็น
แต่ทางกรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรคปชน.เห็นว่ากรรมาธิการงบประมาณ 69ได้ทำน้อยไปในการจัดลำดับความสำคัญงบประมาณใหม่เพื่อรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดจากข้อตกลงกับสหรัฐเรื่องภาษีตอบโต้
ที่ประชุมสภาฯจะเริ่มตั้งแต่เวลา09.00-23.30 น.ตลอด 3 วัน มีทั้งหมด 41มาตรา จะพิจารณาไปทีละมาตรา
โดยเฉพาะในปีนี้ พรรคร่วมรัฐบาล ต่างวิตกกังวลว่า การลงมติจะสะดุด หากเกิดเหตุองค์ประชุมเสียงไม่ครบ หรือสภาล่ม ดังนั้นแกนนำจึงต้องกำชับส.ส.อย่างเข้มงวด ห้ามขาดประชุมหรือเดินออกจากห้องประชุมโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ ร่าพ.ร.บ.งบประมาณ ถือเป็นหัวใจของรัฐบาล เพราะเป็นทั้งเครื่องมือขับเคลื่อนนโยบายและตัวชี้วัดความสามารถในการบริหารเสียงในสภา หากไม่สามารถผ่านได้อย่างราบรื่น ความเชื่อมั่นทั้งในและนอกประเทศอาจสั่นคลอนทันที
งานหนักจะตกไปที่“วิปรัฐบาล”จะต้องทำงานหนัก ประสานงานเพื่อควบคุมเสียงให้แน่นหนา พร้อมในการโหวตลงมติแต่ละมาตราให้ผ่านพ้นราบรื่น เพื่อป้องกันเกมการเมืองของฝ่ายค้านที่พร้อมโจมตีจุดอ่อนด้านเสถียรภาพ เพราะจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เรียกว่า การประชุมถกงบประมาณปีนี้ ตึงเครียดสุดๆ แทบจะต้องนั่งเกาะติดอยู่เฝ้าในห้องประชุม แบบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามป่วย เด็ดขาด
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รองประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า รัฐบาลมีความพร้อมในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 วาระ 2-3 วันที่ 13-15 ส.ค.นี้ ในส่วนพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมพรรค ช่วงเช้า วันที่ 13 ส.ค. เบื้องต้น มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร โดย สส.ที่สงวนคำแปรญัตติไว้จะได้เวลาในการอภิปรายคนละ7นาที ส่วนคนที่ไม่ได้สงวนคำแปรญัตติ ได้เวลาคนละไม่เกิน 5 นาทีโดยวิปฝ่ายค้านและรัฐบาลได้หารือกันไว้เรียบร้อย เชื่อว่าเวลาอภิปรายไม่เกินวันที่13-15 ส.ค.น่าจะเพียงพอ
“เพราะงบประมาณเป็นวาระของประเทศ ไม่ใช่วาระของฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล เชื่อว่างบประมาณ69จะผ่าน”นายอนุสรณ์ พร้อมย้ำว่าในส่วนพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหาและทุกพรรคได้เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานรออยู่ ทุกคนต้องเต็มที่ในการประชุม เชื่อว่าใน 3 วันนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลให้ความร่วมมือทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ทุกครั้งที่เข้าประชุมก็เห็นถึงความมั่นใจที่ทุกพรรคได้ร่วมกันทำงาน”นายอนุสรณ์ ย้ำ
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่ามั่นใจงบประมาณฯ69ผ่าน 100 เปอร์เซ็นต์ เชื่อองค์ประชุมครบ พร้อมกำชับ รมต.ที่เป็นสส.ให้อยู่ประชุมตลอดทั้ง 3 วัน ส่วน‘ฝ่ายค้าน’ไม่โหวตให้ ก็ไม่เป็นอะไร เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ รู้กติกาอยู่แล้ว
พรรคร่วมฯจำเป็นช่วยกันคุมเสียงส.ส.อย่างเหนียวแน่น เพื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนฯในวาระที่ 3ให้เรียบร้อยตามเป้าหมาย ก่อนส่งร่างฯให้วุฒิสภาในวันที่ 25-26 สิงหาคม 2568 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 ให้ความเห็นชอบเพื่อมีผลบังคับใช้ให้ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2568
นอกจากนี้ รัฐบาลมีปัญหาเสียงปริ่มน้ำในสภาแล้ว ยังแรงกดดันจากสนามเลือกตั้งซ่อม เพิ่มความซับซ้อนเข้าไปอีก เนื่องจากในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 วาระ 2-3 ตรงกับวันเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 เชียงราย แทน“พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน”ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปีซึ่งทางพรรคเพื่อไทยจะต้องส่งผู้สมัครลงรักษาเก้าอี้ให้ได้ โดยจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 กันยายน
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การชิงเก้าอี้ในพื้นที่ แต่เป็น “บทพิสูจน์ทางการเมือง”ว่าพรรคเพื่อไทย ยังสามารถรักษาฐานเสียงเดิมได้หรือไม่ หรือ จะต้องเสียที่นั่งให้พรรคฝ่ายค้าน ท่ามกลางแรงกดดันทั้งจากคู่แข่งในสนามเลือกตั้งและจากเกมในสภา ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมแทนนายพิเชษฐ์จะเป็นตัวชี้วัดและสะท้อนความนิยมในพื้นที่ฐานเสียงเดิมและอาจส่งสัญญาณไปยังสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตกระทบไปด้วย
ฉะนั้น ในสองสนาม‘สภาผู้แทนราษฎรและการเลือกตั้งซ่อม’กำลังทดสอบทั้งเสถียรภาพของรัฐบาลและภาวะผู้นำของแพทองธารอย่างชัดเจน
หากรัฐบาลสามารถประคองเสียงผ่านการพิจารณางบประมาณได้จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อพรรคร่วมและฐานสนับสนุน แต่หากล้มเหลว หรือเกิดปัญหา สภาล่มซ้ำซากจนงานสภาสะดุด จะเป็นเชื้อไฟให้ฝ่ายค้านและกระแสวิจารณ์ภายนอกโหมกระหน่ำแรงขึ้น
ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ยังมีปมร้อนคดีสำคัญรอจับตาด้วย รัฐบาล‘แพทองธาร’ต้องเดินบนเส้นด้าย ทั้งการรักษาเสียงในสภาและป้องกันฐานเสียงในพื้นที่เลือกตั้งซ่อม ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจถูกขยายเป็นวิกฤตทางการเมืองใหญ่ สุดท้ายขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่นของพรรคร่วมและความเข้มแข็งของผู้นำจะเป็นปัจจัยตัดสินว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จะยืนระยะต่อไปได้ หรือ จะถูกบีบให้ถอยหลังเร็วกว่าที่คาด
+++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี