❝ลมใต้ปีก หมายถึง ผู้ใต้บังคับบัญชา ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิบัติภารกิจให้ประสบผลสำเร็จ❞

นอกเหนือจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ที่มีหน้าที่ “ปราบเหล่าร้าย” ให้กับคนเมืองหลวงโดยตรงแล้ว ยังมี “หน่วยเฉพาะกิจ” ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของ บช.น.ที่สำคัญอีกหน่วยหนึ่ง ได้แก่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หรือ “กก.1 บก.ป.” ที่วันนี้อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของนายตำรวจหนุ่มไฟแรงที่มีประวัติชีวิตราชการและวิสัยทัศน์น่าสนใจไม่น้อย นั่นคือ...

พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช...

“พ.ต.อ.จิรภพ” หรือ “ก้อง” ย้อนชีวิตวัยเยาว์ว่า ตอนเป็นเด็กฝันอยากเป็น “นักบินเอฟ 16” แต่กว่าจะฝ่าด่านอรหันต์เป็น “เหยี่ยวพิฆาต” ได้ต้องใช้เวลา จึงตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และจบการศึกษาเป็น นรต.รุ่นที่ 50

ชีวิตราชการเริ่มต้นเมื่อปี 2540 ในตำแหน่งรองสารวัตรฝ่ายปฏิบัติการที่ 3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามประพฤติมิชอบในวงราชการ(บก.ปปป.) จากนั้นปี 2544 ดำรงตำแหน่งรองสารวัตร ช่วยราชการที่แผนก 2 กก.1 บก.ป. ซึ่งถือเป็นแหล่งบ่มเพาะวิชา “สืบสวน” ชั้นดี และทำให้เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับ “ดาบยิ้ม” ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป. ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต

“ตอนอยู่ กก.1 บก.ป. มีโอกาสร่วมคลี่คลายหลายคดี เช่น จับกุมนายพาน ซื่อ หง กับพวก ที่ร่วมกันก่อเหตุลักพาตัวนักธุรกิจหญิงชาวจีน ซึ่งการคลี่คลายคดีนี้เป็นภารกิจสุดท้ายของดาบยิ้ม นอกนั้นได้เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนจับกุมนายพอล เซ็น หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมรายใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่หนีคดีมากบดานในไทย ซึ่งได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ จนจับกุมผู้ต้องหาได้ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นต้น”

จากนั้น “ผกก.ก้อง” ขยับไปทำงานอีกหลายสังกัด เช่น กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) และกองบังคับการตำรวจน้ำ(บก.รน.) ก่อนที่ จะได้เวียนกลับ “ถิ่นเก่า” อีกครั้ง ในตำแหน่ง ผกก.1 บก.ป. ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

“ผมเริ่มต้นการทำงานที่นี่ เมื่อกลับมาอีกครั้งจึงเดินหน้าสะสางงานตามที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุผล หลายคดีมีปัญหาอุปสรรค แต่เราก็ผ่านไปได้ คดีที่คลี่คลายได้ที่ผ่านมา เช่น คดีโกงเงินพันล้านสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, คดีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยชูวงษ์ นักธุรกิจชื่อดังจนนำไปสู่การออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นต้น”

นายตำรวจหนุ่มไฟแรงผู้นี้ บอกว่า การที่ กก.1 บก.ป. ทำงานสำเร็จลุล่วงได้ผลน่าพอใจ เพราะมีการทำงานเป็นทีม และมีนโยบายเชิงรุกที่ชัดเจน แต่เราไม่ได้ “หยุดนิ่ง” ต่อการพัฒนา สิ่งที่จะทำต่อไปคือ 1.จัดหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรด้านการสืบสวน โดยเมื่ออบรมเสร็จสิ้นจะต้องนำทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติจริงได้ และ 2.ยกระดับความสามารถของตำรวจสังกัด กก.1 บก.ป. เพราะกองปราบปราม มีภารกิจในการทำคดีที่มีความสลับซับซ้อน เจ้าหน้าที่จึงต้องมีความรู้เฉพาะทางที่เหนือกว่าตำรวจท้องที่ เพื่อทำคดีได้อย่างมีระบบ

“นอกจากนี้ยังวางแผนทำเว็บไซต์ในส่วนของ กก.1 บก.ป. ให้ตรวจสอบประวัติบุคคลที่ต้องโทษคดีอาญาให้สะดวกรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของนายจ้าง ที่ต้องการตรวจสอบบุคคลก่อนรับเข้าทำงาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้ข้อมูลเหล่านี้รวมทั้งหากพบข้อมูลบุคคลว่าเป็นผู้ต้องหามีหมายจับ เรายังได้ประโยชน์จากการประสานนายจ้าง เพื่อวางแผนจับกุมผู้ต้องหาได้ง่ายขึ้น”

หากมองย้อนกลับไปตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ในเส้นทาง “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”...พ.ต.อ.จิรภพบอกว่า เขาเชื่อในทฤษฎี “ลมใต้ปีก” ที่หมายถึง “ผู้ใต้บังคับบัญชา” ซึ่งเขาถือเป็น “ฟันเฟือง” สำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิบัติภารกิจให้ประสบผลสำเร็จ ดังนั้น “ผู้เป็นนาย” ต้องคัดเลือกคนดี คนเก่ง ขยัน และซื่อสัตย์ ให้ได้แสดงฝีมือและได้รับการโปรโมท ส่วน “คติเตือนใจ” ในการทำงาน คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พร้อมๆ กับถามตัวเองทุกวันว่า...

“วันนี้คุณเป็นตำรวจที่ดีแล้วหรือยัง”!!!