อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับการลงคะแนนเลือกโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนสนับสนุน 311 เสียง ส่วนชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนสนับสนุน 152 เสียง จาก สส. ทั้งหมด 492 คน โดยงดออกเสียง 27 คน
นั่นหมายความโดยเบื้องต้นว่าอนุทินคือบุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ทั้งนี้จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้หลังจากอนุทินเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้เรียบร้อยด้วย
อนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่รู้แน่ชัดว่าตนเองเข้ารับหน้าที่ด้วยการสนับสนุนจากพรรคประชาชน แม้พรรคประชาชนจะยกมือลงคะแนนสนับสนุนให้อนุทินก็ตาม แต่ถึงกระนั้นพรรคประชาชนก็ยังคงย้ำว่าพรรคประชาชนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และต้องทำให้รัฐบาลที่นำโดยอนุทินต้องทำตามคำสัญญาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการประกาศยุบสภาเมื่อทำหน้าที่รัฐบาลได้ 4 เดือน นอกจากนี้ ยังมีคำสัญญาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอีกด้วย
แต่ถามว่า ถ้าหากรัฐบาลที่นำโดยอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรีไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน จะเกิดอะไรขึ้น หรือหากถามว่าถ้ามี สส. จำพวกงูเห่า งูห้อยเลื้อยไหลเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลอนุทินมากๆ ขึ้น จนมีเสียงสนับสนุนเกิน 280 เสียง นั่นหมายความว่าพรรครัฐบาลจะมี สส. เกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งสภา หากเป็นเช่นนี้แล้ว พรรคประชาชนจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะต่อให้พรรคประชาชนทั้งพรรคลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็ไม่ทำให้รัฐบาลสะเทือนจนถึงกับล่ม เนื่องจากรัฐบาลมี สส. สนับสนุนเกินครึ่งของสภาแล้ว
เรื่องการหักหลังกันทางการเมือง ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาแบบชนิดสามานย์ ในประเทศที่ไม่เคร่งครัดกับหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะนักการเมืองในประเทศที่ไม่เอาจริงเอาจังกับหลักประชาธิปไตยมักคิดถึงกระเพาะของตนเอง มากกกว่าผลประโยชน์ของสาธารณะ แต่ก็ต้องวิจารณ์ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศที่ไม่เคร่งครัดประชาธิปไตยว่าเป็นกลุ่มคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม เป็นคนที่ถูกซื้อได้ด้วยเศษเงิน และเป็นคนที่ไม่มีวัฒนธรรมทางการเมืองแบบเน้นการมีส่วนร่วม แต่ชอบอยู่ในฐานะผู้ตกเป็นเบี้ยล่างนักการเมือง
ย้อนกลับไปพูดถึงอนุทินกับการเดินบนวิถีทางแห่งนายกรัฐมนตรีก็ต้องรอดูกันว่าอนุทินจะสร้างชื่อให้ปรากฏในโอกาสนี้ หรือจะทำลายล้างตัวเองให้เน่าเฟะแล้วสูญสลายไปในโอกาสของการได้เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้
หากอนุทินจะสร้างชื่อของตนให้ขจรขจาย ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากมหาชนชาวไทย เขาก็มีสิทธิ์ทำได้ โดยเฉพาะการตั้งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่นำโดยอนุทิน หากเขาเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถแท้จริง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เขาก็จะได้รับการยกย่องชมเชยและชื่นชมจากมหาชนชาวไทย แต่หากเขาทำในสิ่งตรงกันข้าม คือตั้งบุคคลที่เลวทรามต่ำช้า โง่เขลาเบาปัญญา ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน แถมยังมีคดีความรกรุงรังพัวพันกับตัวเองหรือเลือกคนจำพวกลูกหลานนักการเมืองที่ไร้สติสิ้นปัญญาเข้าไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วละก็ ก็นับได้ว่าอนุทินทำลายตัวเองให้มอดไหม้สูญสลายไปในบัดดล แล้วสาธารณชนก็จะมองอนุทินว่าไม่แตกต่างไปจากแพทองธาร ชินวัตร เพราะถึงแม้มีโอกาสทำดีเพื่อฝากผลงานเด่นๆ ให้บ้านเมือง และยังสามารถสร้างชื่อเสียง พร้อมได้รับแรงศรัทธาจากประชาชน แต่สุดท้ายกลับทำลายล้างตัวเองให้มอดไหม้สูญสลาย ไปเพราะตนเองไม่มีคุณค่า ไม่มีคุณธรรม และไม่รักษาจริยธรรมของผู้บริหารประเทศ
อนุทินควรสำเหนียกว่า เวลาในการสร้างความดีเพื่อให้สังคมไทยได้จดจารึกไว้ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีไม่บ่อยครั้งนัก หากปล่อยเวลาทองครั้งนี้ทิ้งไป ก็อาจจะหมายความว่าหมดโอกาสทองอีกตลอดชีวิต ดังนั้นหากอนุทินไม่อยากเน่าเฟะเหมือนแพทองธาร ก็จะต้องเลือกสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถแท้จริง รวมถึงมีความเป็นคนที่เพรียบพร้อมไปด้วยความดีงาม ความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเต็มเปี่ยมเข้าไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาลอนุทิน หากอนุทินทำได้ ก็หมายความว่าชื่อเสียงของอนุทิน และของวงศ์ตระกูลชาญวีรกูลจะถูกจดจำในแง่บวกไปนานแสนนาน แต่หากไม่ทำตามที่บอกแล้ว อนุทินก็จะไร้คุณค่าไม่ต่างไปจากแพทองธาร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี