การเมืองไทยกำลังเดินเข้าสู่จุดเปราะบางอีกครั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหตุผลด้านความชอบธรรมและจริยธรรมกลายเป็นชนวนให้เกมการเมืองเปิดฉากใหม่ พรรคการเมืองต่างเร่งหาทางจัดตั้งรัฐบาลเพื่อช่วงชิงอำนาจ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การเมืองในวันนี้แทบไม่มี “ประชาชน” อยู่ในสมการเลยแม้แต่น้อย
พรรคภูมิใจไทย ในฐานะฝ่ายค้านพยายามรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่อาจทำได้ด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยซึ่งยังคงต้องการรักษาอำนาจนำ ก็เผชิญโจทย์เดียวกัน คือเสียงไม่พอ ต้องพึ่งพาพรรคประชาชนเช่นกัน ทำให้สถานการณ์นี้กลายเป็นจุดที่“พรรคประชาชน” ถือกุญแจสำคัญ กำหนดทิศทางการเมืองไทยไปโดยปริยาย
แต่สิ่งที่พรรคประชาชนยื่นเป็นเงื่อนไขกลับไม่ใช่ประโยชน์ของประชาชนเลยแม้แต่น้อย หากแต่เป็นข้อเรียกร้องที่สะท้อนผลประโยชน์ของพรรคตนเองทั้งสิ้น ได้แก่ ให้จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน ก่อนยุบสภา, ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเขียนกติกาใหม่ทั้งฉบับ และแม้จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้ แต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล โดยอ้างว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบจากภายนอก ข้อเสนอนี้ชี้ชัดว่า ประชาชนไม่ได้อะไรเลย มีเพียงนักการเมืองเท่านั้นที่ได้พื้นที่ต่อรองอำนาจ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยเห็นชัดว่าตนเองจะไม่ได้เสียงจากพรรคประชาชนตามที่หวัง จึงเลือกใช้ “การยุบสภา” เป็นเครื่องมือกดดัน ทั้งที่สถานะของนายกรัฐมนตรีรักษาการยังมีข้อถกเถียงทางกฎหมายว่า มีอำนาจยุบสภาได้จริงหรือไม่ การกระทำเช่นนี้สะท้อนภาพว่า พรรคเพื่อไทยก็พร้อมใช้กลไกรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือเพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง มากกว่าจะใส่ใจว่าประเทศจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และปัญหาทางการเมืองที่จะซ้ำเติมในภายหลัง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ การเมืองที่กลายเป็นเวทีต่อรองระหว่างพรรค มากกว่าจะเป็นเวทีแก้ปัญหาของประเทศ รัฐบาลเฉพาะกาล 4 เดือนที่อาจเกิดขึ้น ก็เป็นเพียง “การซื้อเวลา” ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง และความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะยังไม่ได้รับการแก้ไข การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องยาวนาน ซึ่งอาจสร้างความวุ่นวายมากกว่าความชัดเจน ขณะที่ประชาชนยังต้องทนอยู่กับสภาพความไม่มั่นคงของการบริหาร
คำถามใหญ่จึงเกิดขึ้นว่า หากสมการทางการเมืองในวันนี้ไม่มีประชาชนอยู่ในนั้น แล้วประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? การเมืองที่ดีควรยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง การจัดตั้งรัฐบาล การเขียนรัฐธรรมนูญ หรือการกำหนดนโยบาย ควรถูกออกแบบเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน มิใช่เพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้กับนักการเมือง
หากยังเป็นการเมืองที่นักการเมืองคิดถึงแต่พรรคและผู้นำ โดยไม่คิดถึงประชาชน ความชอบธรรมของระบอบก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ ศรัทธาของประชาชนจะสลาย และสุดท้ายอาจเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงอีกครั้ง ประเทศไทยจึงไม่ได้ต้องการเพียง “รัฐบาลใหม่” แต่ต้องการ “การเมืองใหม่” ที่มีประชาชนอยู่ในหัวใจของทุกสมการ ก่อนที่ระบอบประชาธิปไตยจะเหลือเพียงเปลือกที่ปราศจากแก่นสาร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี