ใครที่เคยดูหนังฟอร์มยักษ์สร้างโดยฮอลลีวู้ด ชุด “จูราสสิกปาร์ก” และดูหนังสารคดีที่เกี่ยวกับไดโนเสาร์ คงจะต้อง “เป็นงง” ไม่ใช่ขนาดย่อยๆ ตรงที่หนังดังกล่าว ได้เรียกไดโนเสาร์สายพันธุ์ “นักฆ่า” ที่ “ดุดัน โหดเหี้ยมก้าวร้าว”ที่สุด ด้วยชื่อยุคใหม่ว่า “ที-เร็กซ์” หรือ “T-Rex”

ผู้ที่รู้เรื่องไดโนเสาร์พอประมาณ ก็ยิ่งจะ “งงกว่าใคร”โดยรู้ว่า “ไดโนเสาร์” อยู่ในโลกตั้งแต่ 245 ล้านปีก่อน แล้วสูญพันธุ์อย่างกะทันหันเมื่อ 65 ล้านปีที่ผ่านมา รวมเวลา “ไดโนเสาร์ครองโลก 180 ล้านปี” นั้น มีสายพันธุ์กว่า 500 สายพันธุ์ โดยไม่มีสายพันธุ์ใดชื่อ “T-Rex”

ทุกสายพันธุ์ล้วนมีชื่อเป็นภาษาลาตินที่ “จำยากและเรียกยาก” เช่น สายพันธุ์ Saurischia สายพันธุ์ Neoceratosauria สายพันธุ์ Tetanurae สายพันธุ์Allosauridae และสายพันธุ์ Tyrannosaurie เป็นต้น

นักสร้างหนังทั้งหลายต่างรู้แจ้งกระจ่างใจ ถ้านำชื่อลาตินที่เรียกยากมาขานเรียกในหนัง รับรองได้ “หนังเจ๊ง” ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าโรงฉาย

ดังนั้น นักสร้างหนังจึงนำฉายาที่เป็นภาษาอังกฤษ “สั้นกระชับ” และ “แรงองศาแตก” มาเรียกไดโนเสาร์สายพันธุ์ดุดีกว่า โดยนักฆ่า “สายพันธุ์ Tyrannosaurus”ที่ค้นพบในสหรัฐอเมริกา ถูกตั้งฉายาเป็น T-Rex หรือ Tyrant-Rey

โดย T เป็นคำย่อมาจาก Tyranosaurus หรือ Tyrant ส่วน Rex แปลว่า “พระราชา หรือ เจ้าพ่อ” เมื่อรวมกันแล้ว “T-Rex” แปลว่า “พระราชาแห่งความเหี้ยม”หรือ “เจ้าพ่อแห่งนักฆ่า” หรือ “ขาใหญ่แห่งความก้าวร้าว”

ในขณะที่ไดโนเสาร์ที่ดุดันไม่แพ้สายพันธุ์แรก ได้แก่ “สายพันธุ์ Tarbosaurus” ซึ่งค้นพบในเอเชียแถบทะเลทรายโกบี รอยต่อของจีน มองโกเลีย และเกาหลีเหนือถูกตั้งฉายาเป็น “T-Bataar” แต่ในหนังสารคดีบางเรื่องก็เรียกเป็น “T-Rex” หรือ “ที-เร็กซ์” ทั้งสองT-Rex ต่างดุดันพอกัน มีรูปร่างสูงใหญ่ 12 เมตรเท่ากัน มีฟันคมยิ่งกว่ามีดโกนยิลเลต และมีฟันกรามที่แข็งแกร่งสามารถบดกระดูกของเหยื่อให้แหลกเป็นผุยผงในชั่วพริบตา

T-Rex ทั้งสองสายพันธุ์ วันนี้ถูกนำมาเปรียบเป็น “จอมดุดันในอเมริการายหนึ่ง” และอีกรายหนึ่งเป็น “เด็กดื้อของเอเชีย”

“สอง ที-เร็กซ์” จะสร้างความหวั่นไหวให้โลกเพียงไร? โปรดติดตาม

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม