นายอนุทิน ชาญวีรกูล..หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย..เป็นนายกรัฐมนนตรีคนที่ 32..ของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว..หลังจากรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กันยายนวานนี้
อันเป็นไปตามมติเห็นชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร..เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา..ที่ลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล..เป็นนายกรัฐมนตรี..แทนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร..หัวหน้าพรรคเพื่อไทย..ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..ฐานละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง..ที่เข้าข่ายเป็นการ“ทรยศขายชาติ”ให้แก่“ฮุน เซน”ทรราชแห่งเขมร..ตามที่ปรากฏเสียงสนทนาใน“คลิปอัปยศ”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล..ชนะโหวตนายชัยเกษม นิติสิริ..แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย..ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 311 ต่อ 152 เสียง..มีผู้งดออกเสียง 27 เสียง..จากผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด 490 เสียง
และจากนี้ไปนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ต้องเร่งแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญ ทั้งจากบุคคลในพรรคร่วมรัฐบาล และบุคคลภายนอกที่ได้รับเชิญเข้ามา..เป็นรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการจำนวน 35 คน..จากทั้งหมด 36 คนรวมนายกรัฐมนตรี..เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมา..ก็จะต้องนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ..หลังจากนั้นก็จัดทำนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภา..และเมื่อแถลงเสร็จสิ้นจึงเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้
ในขั้นตอนต่างๆ ดังกล่าวนั้น..รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..น่าจะเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ประมาณไม่เกินต้นเดือนตุลาคมเดือนหน้า..ซึ่งถือว่าเป็นจุดสตาร์ทนับเป็นวันที่หนึ่งจากทั้งหมด 4 เดือนของอายุรัฐบาล..ตามที่นายอนุทินได้สัญญาและทำ“MOA”..หรือบันทึกข้อตกลงไว้กับพรรคประชาชน..ซึ่งจากต้นเดือนตุลาคมนับไป 4 เดือน..ก็จะสิ้นสุดประมาณสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า..จากนั้นจะต้องประกาศยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ตาม“MOA”..โดยที่ กกต.จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน..หากเป็นไปตามนี้..การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่..ก็จะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน 2569
ภายใน 4 เดือนตาม“MOA”..ระหว่างพรรคภูมิใจไทย..กับพรรคประชาชน..รวมทั้งหมด 5 ข้อที่รัฐบาลผสมภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..จะต้องทำ คือ
1)นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน..นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา..เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
2)ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า..ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติ..ก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย..พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น..คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย..พุทธศักราช 2560..เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว..ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
3)ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า..ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติ..ก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย..พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น..คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน..และพรรคภูมิใจไทยจะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม..เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง..ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว
4)เพื่อสร้างหลักประกันว่า..นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง..พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ..เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
5)พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป..โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน..ของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่..และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ดูจากเงื่อนไข 5 ข้อของพรรคประชาชน..ที่เป็นประโยชน์ของพรรคประชาชน..มากกว่าประโยชน์ของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศนี้แล้ว..ไม่น่าจะยากหรือเป็นปัญหาอุปสรรคของรัฐบาลชุดใหม่..ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล..เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะเงื่อนไขสำคัญของพรรคประชาชน..ที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..และการแก้ไขมาตรา 112..นับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งในปี 2566 เป็นต้นมา..โดยไม่เคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมกับบาทและหน้าที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีนั้น..คือการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากสภาร่างรัฐธรรมนูญ..ที่จะมาจากการเลือกตั้ง
เรื่องนี้ภาระหน้าที่ของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย..ก็เพียงแค่..เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง..เกี่ยวกับการจัดทำประชามติ..ก็ดำเนินการไปตามนั้น..ซึ่งประชาชนคนไทยในประเทศนี้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงลงประชามติ..จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า..จะยอมให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับ“ปราบโกงนักการเมืองชั่ว”ฉบับนี้..ที่ สส.และนักการเมืองประเภท“วัวสันหลังหวะ”ต้องการฉีกทิ้ง..เพื่อยกร่างฉบับใหม่หรือไม่อย่างไร..ก็แค่นั้นเอง
แต่หัวใจสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ของประชาชนคนไทย..ไม่ใช่ของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง..และเป็นภาระเร่งด่วนที่รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..จะต้องทำ..ก็คือ..การสะสางปัญหากัมพูชารุกรานไทย..ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดย“แพทองธาร ชินวัตร”มีส่วนสำคัญจนทำให้บานปลายเกิดสงครามขึ้นมา
อีกเรื่องหนึ่ง..คือ..การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ..ที่ 2 ปีของพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล..และเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน..ซึ่งได้สร้างความวิบัติฉิบหายให้เกิดแก่ชาติบ้านเมือง..โดยที่นอกจากจะไม่มีผลงานให้เห็นเป็นประจักษ์แล้ว..ก็ยังทิ้งสิ่ง“ปฏิกูล”ไว้มากมายให้รัฐบาลชุดใหม่ต้องตามล้างตามเช็ด
ลำดับแรกเกี่ยวกับปัญหากัมพูชา..รัฐบาลจะต้องประกาศยกเลิก“MOU 43”..และ“MOU 44”โดยทันที, สร้างรั้วเป็นการถาวรตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา, ต้องปิดด่านทุกด่านต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติจริงๆ..และที่ละเลยไม่ได้ต้องฟ้องสองพ่อลูกตระกูลฮุน“ฮุน เซน-ฮุน มาเนต”ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)...ข้อหา“อาชญากรสงคราม”ผู้ก่อสงครามรุกรานโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนของไทย..จนทำให้ประชาชนคนไทยเสียชีวิต 15 ราย..และบาดเจ็บ 38 ราย..ส่วนเรื่องอื่นๆ ค่อยๆ ว่ากันไป
สำหรับการแก้วิกฤตเศรษฐกิจนั้น..รัฐบาลชุดใหม่มาถูกทางแล้ว..จากที่มีข่าวว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล..จะนำโครงการ“คนละครึ่ง”ที่เคยประสบความสำเร็จช่วงวิกฤตโควิด..สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..กลับมาใช้อีก..ถือว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ“ทันใจ”..และต้องตรงกับการแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน..ซึ่งไม่ใช่โครงการประชานิยมล้างผลาญเงินงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..อย่างโครงการ“แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท”..ที่สูญเงินแบบตำพริกละลายแม่น้ำไปแล้ว 1.85 แสนล้านบาท
นอกจากนั้น..ไม่เพียงแต่โครงการล้างผลาญโดยฝีมือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยโครงการนี้..จะสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาลไปโดยไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด..ยังอาจจจะทำให้ สส.และ สว.เกือบทั้งรัฐสภา..ต้องพ้นสภาพสมาชิก..และถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง..จากความผิดในการการฝ่าฝืนมาตรา 144..ของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงฉบับนี้..โดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..รวมทั้ง สส.และ สว.ที่เป็นกรรมาธิการงบประมาณ..ได้โยกเงินงบประมาณฯ ปี 2568..ในส่วนที่ต้องส่งใช้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้..จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทไปใช้ในโครงการ“แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท”
จะอะไรก็ตามแต่..4 เดือนของ“รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล”ตามเงื่อนไข“MOA” นั้น..ถ้าจะให้เท่ให้หล่อ..และจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า..ก็คือ..ด้วยระยะเวลาจำกัดที่จะต้องล้างสิ่งปฏิกูลซึ่งรัฐบาล“ระบอบทักษิณ”ได้ถ่ายเลี่ยลาดไว้..นอกจากความซื่อสัตย์สุจริต..และความมุ่งมั่นจริงจังแล้ว..การคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีก็สำคัญ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล..ในฐานะนายกรัฐมนตรี..จะต้องเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ..และมีประสบการณ์เข้าไปเป็นรัฐมนตรีให้ได้มากที่สุด..นี้คือภารกิจสำคัญเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง..ส่วนบุคคลที่จะมาตามสัดส่วนของโควตาพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล..ประเภท“ทึมๆ เทาๆ”ควรต้องเก็บรายชื่อไว้ในลิ้นชักก่อน
ถ้านายอนุทิน ชาญวีรกูล..ทำได้..เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า..เลือกตั้ง สส.หลังจาก 4 เดือนยุบสภาฯ
พรรคภูมิใจไทยจะได้รับเลือก สส.กลับเข้ามา..แบบ“แลนด์สไลด์”ชนิดถล่มทลายแน่นอน!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี