“อีสป” เป็นทาสของอาณาจักรเอเธนเมื่อกว่า 3,000 ปีก่อน ที่ไม่ต้องทำงานหนักเยี่ยงเดียวกับทาสทั้งหลาย เพราะ “อีสป” เป็นนักเล่านิทานที่สนุกจับใจ ทุกเรื่องซ่อนไว้ด้วยคติธรรมอันสุดยอดจนนายทาสทุกคนติดใจนิทานของอีสป จึงมอบหมายให้อีสปเล่านิทานให้ฟังทุกวัน แทนการทำงานหนักเยี่ยงทาส

“อีสป” ได้เล่านิทานไว้มากมาย ไม่มีใครจำได้ว่า อีสปเล่าไปกี่ร้อยกี่พันเรื่อง แต่ที่แน่ๆ นิทานอีสปกว่าร้อยเรื่องได้กลายเป็น “นิทานอมตะ” ที่ก้าวข้ามกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับความนิยมจากผู้คนทุกชาติทุกภาษา

คนไทยรู้จักนิทานอีสปเกือบทุกคน และประทับใจนิทานดังกล่าวหลายเรื่องด้วยกัน เช่น “กระต่ายกับเต่า หมาป่ากับลูกแกะ ชาวนากับงูเห่า และหนูกับราชสีห์” เป็นต้น

“ตลอดกว่า 3,000 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีนักเล่านิทานคนไหน เล่านิทานได้ประทับใจเช่นอีสป”

ถ้าวันนี้อีสปยังมีชีวิตอยู่ อาจจะ “ต้องใส่เสื้อหนาวถึงหลายชั้น” เพราะต้องจ๊ะเอ๋กับนักเล่านิทานหน้าใหม่ ที่เล่านิทานได้สนุกสนานไม่แพ้อีสป

ถูกแล้วครับ “คู่แข่งของอีสป” ในวันนี้คือ“ลุงตู่” ขวัญใจชาวไทย ที่เล่านิทานได้สนุกสนานจนกลายเป็น “ข่าวใหญ่ยอดฮือฮา”

ในการประชุมครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ลุงตู่ได้เล่านิทานเรื่อง “สิงโตกับมด” ให้ที่ประชุมฟัง

นิทานอีสปเรื่อง “ราชสีห์กับหนู” นั้น มีตัวละครในนิทานดังกล่าวเพียงสองรายคือ “สิงโตกับหนู” เท่านั้น

แต่นิทาน “สิงโตกับหนู” ของลุงตู่นั้นไม่น่าเชื่อว่า “นิทานสั้นๆ” เรื่องดังกล่าว มีตัวละครมาผาดโผนอยู่ในนิทานมากมาย ประกอบไปด้วย “สิงโต มด” ตามมาด้วย “แมลงสาบ ควาย ทาก เห็บ และตัวเงินตัวทอง” โดยตัวละครชุดหลังที่กล่าวอ้างมานี้ ล้วน “สร้างปัญหาให้กับการทำงานของมดน้อย” ทั้งสิ้น

หลังจากเล่านิทานจบ ลุงตู่ได้ปิดท้ายด้วยสไตล์การเล่าของอีสปเช่นกัน โดย “ถาม” ว่า “ผู้ฟังเป็นตัวละครใดในนิทานเรื่องนี้”

แค่เล่านิทานเรื่องแรก “นิทานลุงตู่” ก็กลายเป็นเรื่องฮือฮา จนแฟนๆ ทั้งหลายเรียกร้องให้ลุงตู่เล่านิทานเรื่องใหม่

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม