ปมอื้อฉาวกรณีราคาหรูยี่ห้อ “Richard Mille”และแหวนเพชรราคาแพงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมไม่เพียงเป็นระเบิดเวลาสำหรับ “บิ๊กป้อม” แต่ยังจะก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาทั้งต่อองค์กรปราบโกงอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมไปถึงอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)หากไม่ทำความจริง และที่เลวร้ายกว่านั้นคือส่อพฤติการณ์ตะแบงอุ้ม “บิ๊กป้อม” แบบค้านสายตาสังคม

ความจริงเรื่องนี้หาก “บิ๊กป้อม” บริสุทธิ์ใจก็ไม่เห็นจะต้องยึกยักส่อเจตนาดึงเกมด้วยการประกาศต่อสาธารณชนให้รับรู้โดยทั่วกันเลยว่า นาฬิกาหรูราคาหลายล้านบาทและแหวนเพชรมีที่มาอย่างไรจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่นี่ “บิ๊กป้อม” กลับส่อพิรุธทำตัวอึมครึมลับล่ออ้างว่าจะทำรายงานชี้แจงไปยังป.ป.ช.เอง และอ้างว่าป.ป.ช.ยังไม่ทำหนังสือแจ้งมาให้ทำรายงานชี้แจง ขณะที่ฝ่ายป.ป.ช.ระบุกลับว่าทำหนังสือแจ้งมายัง “บิ๊กป้อม” แล้วแต่ยังไม่ได้รับรายงานคำชี้แจงกลับมานั่นแสดงว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดไม่จริง

และที่ทำให้สาธารณชนไม่ไว้วางใจมากยิ่งขึ้นก็คือ ผู้ที่นั่งเก้าอี้ประธานป.ป.ช.คือพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีความใกล้ชิดกับครอบครัว “วงษ์สุวรรณ” มาช้านาน โดย “บิ๊กกุ้ย” เป็นอดีตเลขานุการของพล.อ.ประวิตร และเคยเป็นอดีตนายตำรวจหน้าห้องของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ซึ่งเป็นน้องชายของ “บิ๊กป้อม”

เพราะฉะนั้น นอกจาก “บิ๊กป้อม” สังคมกำลังจ้องจับตาบทบาทของ ป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย”ตาไม่กะพริบว่าจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา หรือไม่ ทั้งนี้ผลการตรวจสอบของป.ป.ช.จะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่ออนาคตความน่าเชื่อถือของป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีหน้าที่สำคัญในการปราบโกง

คนสำคญอีกคนหนึ่งที่ต้องระวังการวางตัวก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เพราะเป็นที่รู้กันว่า “บิ๊กป้อม” นั้นเป็นพี่ใหญ่ของนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ที่มีน้องร่วมสายที่ผูกพันกันมานานประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตรมช.กลาโหม

การที่ “บิ๊กตู่” จะเกิดความรู้สึกเห็นแก่ความเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน แต่ในฐานะผู้นำอำนาจรัฐซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่มีภารกิจสำคัญและแบกรับภาระความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในการกำหนดอนาคตชะตากรรมชาติบ้านเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคิดจะไปต่อ จะต้องแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับชาติบ้านเมือง โดยต้องยึดผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองสำคัญกว่าความเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องไม่ปกป้องเพื่อนพ้องน้องพี่หากทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กตู่” ประกาศมาตลอดว่าต้องยึดหลักกฎหมายและในยุคปฏิรูปไม่ว่าใหญ่แค่ไหนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

การที่อ้างว่า “บิ๊กป้อม” ถูกจ้องจับผิดคงไม่สมเหตุผล เพราะหากไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนและต้องพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกติกา

ระเบิดเวลาของ “บิ๊กป้อม” ไม่เพียงกรณีนาฬิกาหรู 1 เรือน และแหวนเพชร 1 วง แต่ส่อเค้าว่าจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่จากการออกมาตั้งข้อสังเกตของ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ที่ชี้ว่ามีหลักฐาน พล.อ.ประวิตร ใส่นาฬิกาหรูราคาแพงอยู่หลายเรือนและใส่แหวนเพชร แหวนทับทิมอีกหลายวง แต่กลับไม่มีการแจ้งแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. หากอ้างว่าได้มาหลังการเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 ต้องตรวจสอบว่าใช้เงินจากที่ใดไปซื้อ ซื้อมาเมื่อใด ซื้อมาด้วยวิธีการใดและป.ป.ช.ควรตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อครั้ง “บิ๊กป้อม” เป็นรมว.กลาโหมยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เมื่อปี 2552 ว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเหล่านี้หรือไม่อย่างไร ซึ่งขณะนี้สังคมกำลังจับตาการทำหน้าที่ของป.ป.ช.อยู่ซึ่งหากทำอะไรไม่ถูกต้อง ป.ป.ช.อาจตกเป็นจำเลยทั้งทางอาญาและจำเลยของสังคม

ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ชี้ว่า เรื่องนาฬิการยี่ห้อ Richard Mille อาจเป็นประเด็นเล็กเพราะ “บิ๊กป้อม” ใส่นาฬิกาหรูหลายเรือนและใส่แหวนเพชรราคาแพงหลายวงในหลายโอกาส แต่ไม่ปรากฎว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฐานจงใจปกปิดการแสดงบัญชีทรัพย์สินหรือแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือร่ำรวยผิดปกติ

เพราะฉะนั้นงานนี้บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อยทั้ง “บิ๊กป้อม” ป.ป.ช.ยุคบิ๊กกุ้ย และอาจส่งผลต่ออำนาจรัฐคสช. หากไม่ทำความจริงให้ปรากฏอย่างโปร่งใสชัดเจนตรงไปตรงมา และยิ่งหากดึงเกมช้าออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ปัญหาบานปลายรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ทีมข่าวการเมือง