ถือเป็นวัฒนธรรมอันเหนียวแน่นของชาวตะวันตก

ที่ผู้ชายจะต้องมีเมียที่ชอบและถูกกฎหมายเพียง “เมียเดียว” ถ้าจะมี “เมียใหม่” ก็ต้อง “เลิกกับเมียเก่า” ให้เป็นที่เรียบร้อย

ส่วนจะไปมีเมียเก็บ มีคู่ขา หรือมีกิ๊กกับใคร หรือไปยุ่งกับผู้หญิงไซด์ไลน์เป็นกูรุส เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลที่จะต้องเอาตัวรอดแบบ “ตัวใครตัวมัน”ถ้าบังเอิญ “เมียแท้” จับได้แล้วเกิด “ไม่ยอม” ขึ้นมาก็จะ “กลายเป็นเรื่อง” ทันที

ถ้า “เมียแท้รับได้” แบบถือคติ “แปรงสีฟันแบ่งกันใช้ พ่อตัวดีจะหัวหกก้นขวิดกับใคร ฉันไม่เกี่ยว” หากเป็น “บุคคลโนเนม” ก็แล้วไป ถ้าบังเอิญเป็น “ผู้มีชื่อเสียง” หรือเป็น “ผู้นำระดับประเทศ” แม้เมียจะ “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” แต่สื่อทั้งหลายที่เป็นจอมสาระแน ต้องเข้ามาขุดคุ้ยอย่าง “สุดมัน”

จึงไม่น่าประหลาดใจ ที่สื่อทุกสำนักต่างเคยขุดคุ้ยเรื่องราวของหญิงสาวจำนวนมาก ที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “ขุนแผนบิลล์ คลินตัน” จนเขย่าเก้าอี้ผู้นำอินทรีหัวขาวในขณะนั้น

แต่แล้วด้วย “อภินิหารของที่ปรึกษากฎหมาย”คลินตันจึง “รอดตายจากพิษนารีพิฆาต”

ในวันนี้ เป็นยุค “ผู้เฒ่าทรัมป์” เป็นผู้นำอินทรีหัวขาวคนใหม่ ที่กำลัง “อื้อฉาว” ในหลายเรื่อง

โดยมีเรื่อง “ความเจ้าชู้” ในอดีตถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นข่าวอย่างกระหน่ำ เพราะมีหลายอรทัยออกมาปรากฏโฉมว่า “ท่านปากจู๋เคยมีเพศสัมพันธ์กับนาง โดยไม่ยอมใส่เสื้อฝน”

งานนี้ ทำนายได้เลยว่า “อภินิหารที่ปรึกษากฎหมาย” คงจะขจัดปัดเป่าให้ “ผู้เฒ่ามากกิ๊ก” ลอยนวลหลุดรอดจาก “พิษนารีพิฆาต”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม