ขณะนี้ ทราบข่าวว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้อำนาจศาลตรวจคำฟ้อง หรือเรียกหลักฐานได้ ก่อนประทับรับฟ้อง เพื่อป้องกันกลั่นเเกล้ง ฟ้องไม่สุจริต บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนที่ถูกฟ้อง
ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่สมควรจะแก้ไขจัดการอย่างยิ่ง
1.นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้เสนอเเก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) มาตรา 161 โดยมีสาระสำคัญ คือ ถ้าฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ศาลสั่งโจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้อง หรือยกฟ้อง หรือไม่ประทับฟ้อง
ปกติ ในการฟ้องคดีอาญา ผู้มีสิทธิฟ้องคดี คือ อัยการหรือประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย
ส่วนที่เสนอเเก้ไขเพิ่มเติม คือ ในกรณีที่ประชาชนเป็นโจทก์ฟ้องคดี ประเภทที่อาจจะแกล้งฟ้อง หรือ ฟ้องโดยไม่มีมูล เพื่อให้เกิดภาระกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ที่ผ่านมา แม้การฟ้องนั้น น่าจะเกิดจากการใช้สิทธิการฟ้องที่ไม่สุจริต หรือมีการกลั่นแกล้งหรือบิดเบือนข้อเท็จบางอย่าง แต่ถ้าคำฟ้องนั้นบรรยายฟ้องมาครบตามที่ ป.วิอาญากำหนดไว้ ศาลก็จำเป็นที่จะต้องนัดไต่สวนมูลฟ้อง
แม้จะยังไม่มีคำสั่งประทับฟ้อง แต่การที่นัดไต่สวนมูลฟ้องนั้น ก็เป็นภาระกับคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่จะต้องแต่งตั้งทนายเข้ามาเพื่อที่จะถามค้านต่างๆ ปัญหานี้มันจะทำให้เป็นความทุกข์ในใจของประชาชนผู้ที่ถูกฟ้อง จึงคิดว่าถ้ามีขั้นตอนหนึ่งเป็นเหมือนการตรวจคำฟ้อง ก่อนที่จะนัดไต่สวนมูลฟ้อง โดยหากศาลเห็นว่ามีข้อความหรือเหตุการณ์ใดที่น่าสงสัย ศาลอาจจะเรียกหลักฐานบางอย่างเพื่อตรวจสอบคำฟ้องได้ ซึ่งอาจจะยกฟ้องในชั้นนี้ได้
“แค่โจทก์ยื่นคำฟ้องมา แล้วศาลสงสัยบางสิ่งบางอย่างว่าอาจจะเป็นกรณีที่ไม่สุจริต หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง หรืออาจจะกลั่นแกล้งเอาเปรียบกับฝ่ายจำเลย หรือว่ามีการมุ่งหวังประโยชน์ในทางที่มิชอบ ดูแล้วว่าน่าจะมีการตรวจสอบคำฟ้องก่อน ก็จะมีการเรียกเอกสารบางอย่าง สมมติว่าเมื่อศาลได้ดูคำฟ้องประกอบกับเอกสารโดยละเอียดแล้ว ศาลมีสิทธิที่จะไม่ประทับรับฟ้อง โดยไม่ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้อง พูดง่ายๆ ก็คือให้อำนาจศาลมากขึ้นในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ศาลมีอีกขั้นตอนหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่จะให้ดูรายละเอียดของคำฟ้องก่อนที่จะไต่สวนมูลฟ้อง” โฆษกศาลยุติธรรมชี้แจง
2. ตามแนวทางข้างต้นนั้น นับว่าสำนักงานศาลยุติธรรมตระหนักถึงปัญหาผลกระทบที่มีต่อชาวบ้าน
เพราะลำพังคนรวย คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ สามารถจะว่าจ้างทนายความแพงๆ ได้สบายอยู่แล้ว
และที่สำคัญ คนจำพวกที่ใช้วิธีฟ้องคดีเล่นงานผู้อื่น ที่เป็นกลุ่มสร้างปัญหาในลักษณะนี้ ก็มักจะใช้เงินจ้างผีโม่แป้ง จ้างทนายความใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ มิใช่เพื่อความยุติธรรม แต่เพื่อกดขี่กดดันเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
นอกจากนี้ ยังมีคนโกงบางจำพวก ตนถูก ป.ป.ช.สอบสวนดำเนินคดี จวนจะชี้มูลความผิด แต่ใช้วิธีไปยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. หรือดีเอสไอ หรือพนักงานสอบสวน เพื่อหวังใช้อ้างอิง เตะถ่วงเรื่องที่ตนเองถูกสอบสวนอยู่
3. ถ้านึกกรณีตัวอย่างไม่ออก.. ลองนึกถึงอดีตนายกฯ ที่หนีคำตัดสินของศาลไปอยู่ต่างประเทศ แล้วว่าจ้างทนายความในประเทศ เที่ยวไล่ฟ้องดำเนินคดีกับคนที่ออกมาเปิดโปงความเลวร้ายของตนเอง เพื่อมุ่งหวังปิดปาก แก้แค้น กลั่นแกล้ง
ขอเพียงให้คนที่ตนเองฟ้องร้องได้ขึ้นศาลในฐานะจำเลย จะได้ถูกตีตรา พิมพ์ลายนิ้วมือ เสียเวลาในการทำมาหากิน ในขณะที่ตนเองลอยนวล สบายใจเฉิบ หนีคำพิพากษาของศาล
แถมยังหาจังหวะออกมาด่าศาลเนืองๆ
น่าแปลกใจว่า ที่ผ่านมา ระบบยุติธรรมปล่อยให้มีกรณีแบบนี้ได้อย่างไร?
คนโกงใช้วิธีมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการ
คนโกงเห็นว่าใครกระทำไม่ถูกใจ คิดเอาเองว่าไม่ถูกต้อง หรือต้องการจะเล่นงานเป็นการส่วนตัว เขาก็จะใช้ให้ทนายความดำเนินการทันที
คนโกงหนีคดี ไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมไทยเลย แต่กลับสามารถจ้างวานผู้อื่นให้ดำเนินการฟ้องร้องคดี หรือแจ้งความ เพื่อเล่นงานผู้ที่ตนต้องการจะให้ได้รับโทษตามกฎหมายไทย
คนโกงในฐานะโจทก์ ไม่ต้องมาขึ้นศาลเลย ไม่ต้องสอบปากคำเลย เขาเสียหายอย่างไร เสียหายจริงแค่ไหน หรือได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ ฝ่ายจำเลยไม่มีโอกาสได้ซักค้านในศาลแบบซึ่งๆ หน้าเลย แต่คนที่ถูกฟ้องต้องขึ้นศาล ถ้าผิดโทษถึงเข้าคุก
คนที่ถูกดำเนินคดี ต้องเสียเวลา เสียการเสียงาน ต้องมาต่อสู้คดีที่คนหนีคดีฟ้องร้องเล่นงานข้างเดียว
ถ้าจะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปกป้องความเป็นธรรมแก่ตนเองบ้าง หรือฟ้องกลับบ้าง ไอ้ตัวคนโกงมันก็หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ประกาศไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมของไทย
4. ขอสนับสนุนให้แก้ปัญหาข้างต้นนี้อย่างเด็ดขาด รวดเร็ว
ไม่ว่าจะเป็น การฟ้องคดีแก้เกี้ยว การฟ้องคดีเพื่อข่มขู่ การฟ้องคดีเพื่อประโยชน์ในทางแท็กติกกฎหมายโดยหวังผลในการอ้างอิงสำหรับตนเองในกรณีที่กำลังถูกตรวจสอบทุจริตอยู่ ฯลฯ
ทั้งหมด ควรถูกจัดการแก้ไขมิให้ระบบยุติธรรมถูก “คนรวยที่เลวร้าย” บิดเบือนใช้ประโยชน์เพื่อเอาเปรียบสังคมอีกต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี