ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว สามารถดึงดูดชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา ปีละกว่า 35 ล้านคนต่อปีจึงมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุด เป็นอันดับสองรองจากการส่งออกสินค้า เป็นความโชคดีที่ธรรมชาติสร้างให้และคนไทยได้ร่วมกันสร้างนั่นคือ ความเป็น มิตรไมตรีจนกลายเป็นเสน่ห์อีกอย่าง และหนึ่งในทีมร่วมสร้างความสุขมาจาก ตำรวจท่องเที่ยว ที่คอยพิทักษ์ปกป้องบริการนักท่องเที่ยว
แต่ไม่พ้นมีนักท่องเที่ยวใน คราบ คนร้าย เข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในประเทศ สร้างผลกระทบด้านความมั่นคง และบุรุษผู้แก้ปัญหาใต้พรมนี้คือ พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท.) หรือรองฯกอล์ฟ ซึ่งมีความชื่นชอบในเรื่องภาษา มีจิตใจให้บริการ เห็นทีจะเป็นงานที่ตรงตัวเขา แต่ไม่ลืมเรื่องการป้องกันปราบปราม
พ.ต.อ.อาชยน วัย 48 ปี กล่าวว่า ตำรวจท่องเที่ยวสามารถทำงานให้กับรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และนักท่องเที่ยวได้มากมาย ถือเป็นหัวใจหลักในส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมด จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีงาม ช่วยเหลือเกื้อกูล ร่วมกันขจัดปัดเป่าภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งเกิดจากน้ำมือมนุษย์และธรรมชาติ เพื่อให้ต่างชาติรู้สึกมั่นใจ เที่ยวเมืองไทยปลอดภัย
ปัญหาที่เราจะต้องป้องกันปราบปราม ในยุคที่ Social Media กำลังพัฒนามากขึ้น ได้เกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีอาชญากรแฝงเข้ามาหาผลประโยชน์ รวมถึงปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ ทัวร์ด้อยคุณภาพ ทัวร์ผิดกฎหมาย ทัวร์ศูนย์เหรียญ หลอกลวง ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยว อุบัติเหตุจากการเดินทางไม่ได้มาตรฐาน อื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ถ้าบริการอย่างเดียวไม่รู้ว่า ใครเป็นโจร ใครเป็นคนดี จะเกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์และประเทศชาติในวงกว้าง ต้องแยกแยะระหว่างคนดีกับคนร้าย”
รองฯกอล์ฟ นรต.รุ่น 46 กล่าวถึงเสียงตอบรับว่า ตำรวจท่องเที่ยวและคนไทย เป็นที่รู้จักในฐานะพึ่งพาได้ โดยสายด่วน 1155 มีล่ามตำรวจแปลได้หลายภาษา เมื่อชาวต่างชาติกลับประเทศ ก็ชื่นชมการทำงานของตำรวจเรา จนหลายชาตินำไปเป็นแบบอย่าง เพราะการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ตำรวจท่องเที่ยวไทยก่อตั้งปี 2535 ขณะนั้นมีเพียง 3 ประเทศในโลก ปัจจุบันมีประมาณ 20 ประเทศ
ทั้งนี้หน่วยได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ บุคลากรที่ต้องพูดได้อย่างน้อย 1 ภาษา คือภาษาอังกฤษ ภาษาต่อไปคือ ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย เพื่อเพิ่มความสามารถการบริการ จัดว่าเป็นอาวุธของตำรวจท่องเที่ยว ด้วยคนไทยและตำรวจทั่วไป ไม่ชอบพูดภาษาอื่น ตนพยายามหาช่องทางประชาสัมพันธ์ ให้การบริการเข้าถึงนักท่องเที่ยว มีเหตุจะได้ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ควรส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองรอง แบ่งตำรวจไปดูแลนักท่องเที่ยว ตามสถานที่ไม่ใช่เมืองหลักอย่าง พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ยังมีเมืองต้องการความช่วยเหลือ ก็ขยายหน่วยออกไปรองรับให้มากที่สุด หรือตำรวจภูธรต้องเข้าไปช่วยดูแลนักท่องเที่ยวให้เรียบร้อย นอกจากการป้องกันปราบปราม บริการ และประชาสัมพันธ์เป็นหัวใจหลักแล้ว นโยบายของรัฐบาลจำเป็นต้องทำควบคู่กันไป
“บทบาทตำรวจท่องเที่ยวยุคนี้ ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.มีงานหลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวแต่ละปีเข้ามา 35 ล้านคน ประชากรไทยอีก 70 ล้านคนมีตำรวจ 2 แสนกว่าคนดูแล ถามว่าแล้ว 35 ล้านคนมีใครดูแล? การเดินทาง ความปลอดภัย สายด่วน 1155 ล่ามแปลภาษา งานอีเว้นท์ต่างๆ ตำรวจท่องเที่ยว 2 พันคน ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตรงนี้”
รอง ผบก.ทท.1 กำชับว่า ตำรวจท่องเที่ยวส่วนที่ตนรับผิดชอบ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง อบายมุข เด็ดขาดทำตัวเป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นตำรวจน้ำดี มีความตั้งใจแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและนักท่องเที่ยว มีความรู้สึกเขามาท่องเที่ยวบ้านเรา อยากให้ทุกคนมีความสุขทุกที่ ไม่โดนทำร้าย หลอกลวง ฉ้อโกง ตนเข้มงวดกับการทำงาน ถ้าไม่เด็ดขาดงานคงขับเคลื่อนสำเร็จยาก
ด้วยบุคลิกการทำงานที่เข้าถึงง่ายของตน น่าจะสร้างความอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวได้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถ้ามองในด้านเดียว จะเป็นสายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. ตำรวจท่องเที่ยวเองมีหน้าที่ดูแลรักษาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้มีความเจริญเติบโตมั่นคงและยั่งยืน เราต้องตอบ โจทย์ ตรงนี้ให้ได้ว่า ทำอย่างไรให้เขามีความสุข และกลับบ้านไปโดยปลอดภัยทุกคน
“พูดถึงความโชคดีที่เป็นตำรวจท่องเที่ยว คงไม่สามารถนำมายึดกับการทำงานได้ ถ้าใครแสวงหาความโชคดีอย่างเดียว คงไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าไม่ขยันไขว่คว้า ศึกษาหาความรู้ และตั้งใจทำงาน” พ.ต.อ.อาชยน ชาว กทม. กล่าว…
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี