คำกลอนสอนใจเกี่ยวกับเรื่องของ “การอด” ของ “สุนทรภู่” ที่แต่งไว้ มีเนื้อหาที่จะได้ทำนองนี้ คือ “อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา” ได้ยินได้ฟังกลอนดังกล่าวเมื่อไร เตือนสติตัวเองได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะคนที่จะเป็นจะตายถ้าหมดอำนาจ
หรือการอดในเรื่องอื่นๆ เช่น อดเป็น อดได้ อดเห็น อดไป อดนอน เป็นต้น
อดเป็นคือไม่ได้เป็น เช่นคนที่อยากเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ไม่ได้เป็นตามที่ต้องการ อยากเป็นต่อไปอีกแต่ไม่ได้เป็นต่อเพราะหมดเวลา หรือถูกขับไล่
อดได้คือไม่ได้ เช่นอยากได้คนดีๆมาร่วมงาน หรือมาร่วมพรรค แต่ไม่มีคนดีๆอยากเปลืองตัว เลยอดได้คนดีๆ ที่ต้องการ ต้องเที่ยวเร่ไปดูดคนไม่ดีมาเข้าร่วม
อดเห็นคือไม่ได้เห็น เช่นผู้คนในบ้านเมืองอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆเรื่องที่ดี แต่ไม่ได้เห็นเพราะคนมีอำนาจหน้าที่ไม่ยอมทำ เพราะทำงานไม่เป็น หรือทำแล้วตัวเองเสียประโยชน์จากที่เคยได้รับเป็นต้น
อดไปคือไม่ได้ไป เช่นอยากไปตามเวลาที่ตนต้องการแต่ผู้คนไม่ยอม ผู้คนต่อต้านและบอกให้ไปวันนี้ เลือกไปตามที่ต้องการ
อดทนคืออดกลั้นในความเห็นต่างๆ ไม่สามหาว ใช้คำพูดสวนกลับด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม หรือแสดงท่าแสดงทางไม่น่าดู
นี่คือตัวอย่างของอดเป็น อดได้ อดเห็น อดไป และอดทน ตามสภาพของความเป็นจริงขณะนี้
เป็นตัวอย่างของการอด ที่ไม่ใช่อดข้าว
เรื่องของการอดข้าวนั้นเกิดจากสาเหตุต่างๆที่ไม่เหมือนกัน เช่นสาเหตุดังต่อไปนี้
1. อดเพราะไม่มีกิน
อดอย่างนี้เพราะไม่มีเงินซื้อกิน หรือหาอาหารที่อยากกินมากิน อาจเกิดจากความยากจน ไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย ต้องร่อนเร่ขอทานเขากิน วันไหนมีคนให้ก็ได้กิน วันไหนไม่มีใครให้ก็อดกิน มีชีวิตอยู่ด้วยความลำบากยากแค้น
2. อดเพราะกินไม่ได้
อาการอย่างนี้มาจากการถูกห้าม ไม่ให้กินโน่นกินนี่เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของร่างกาย ขืนกินตามใจอาจถึงตายได้
3. อดเพราะไม่อยากกิน
เป็นการอดของคนที่ชอบเลือกอาหารกิน ชอบกินอะไรก็อยากจะกินแต่อย่างนั้น มีของให้กินมากมายก็ยอมอด เพราะไม่ชอบของกินอย่างนั้น บางรายไม่อยากกินเพราะกลัวอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นกลัวอ้วน ส่วนมากเป็นคนประเภทรักสวยรักงาม ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย แต่ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย
4. อดเพราะต้องการต่อรองในบางสิ่ง
มีการนำเรื่องการอดมาต่อรอง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ การอดแบบนี้จะเป็นการอดที่เป็นวิธีการข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่งก็ได้ เพื่อให้เกิดความสงสารจากผู้ที่พบเห็นเป็นการสร้างแรงกดดันเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
การอดเพื่อต่อรองในทางการเมืองในบ้านเราก็เคยมีมาแล้ว และเคยเห็นมาแล้วหลายครั้งหลายหน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในบางครั้งเช่นเดียวกัน ดังเหตุการณ์ที่ผ่านมาในบางยุคบางสมัย
นอกจากการอดประเภทต่างๆดังกล่าวมาแล้ว ในเรื่องของ “ความเบื่อหน่าย” ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะความเบื่อหน่ายจากการที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างจำเจ ซ้ำซาก กับชีวิตประจำวันภายใต้การบริหารจัดการที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวันของผู้คนในบ้านเมือง ที่ว่ายวนอยู่ในความยากลำบากในการดำรงอยู่ด้วยปัญหาหลายอย่างขณะนี้
โดยเฉพาะความเบื่อหน่ายที่มาจากเรื่องต่อไปนี้
1. ทำงานให้ประชาชนหรืออาศัยประชาชนเสพสุข
2. มุ่งมั่นปฏิรูปประเทศ หรือเดินหน้าหาช่องทางอยู่ต่อ
3. อยู่ข้างหลังประชาชน หรืออยู่หน้าประชาชน
4. มีธรรมาภิบาลในการบริหารจริงๆหรือเพียงคำพูด
ทั้ง 4 ข้อดังกล่าวเป็นที่มาสำคัญว่าผู้คนในบ้านเมืองจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายมากน้อยแค่ไหน
ถ้าไม่โกหกตัวเอง คำตอบจะมีคล้ายๆกันในบ้านเมืองขณะนี้ว่า ประชาชนไทยส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายคล้ายๆกันต่อการทำงานของผู้บริหารบ้านเมืองในขณะนี้ อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดสิ่งดีๆในบ้านเมือง
สุนทรภู่เคยบอกว่า “อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวายไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา” ซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้และยุคนี้คงจะเป็น “อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ถึงตายเพราะอดต่อท่ออำนาจ” นั่นเอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี