ประเทศสารขัณฑ์ (Sarkhan) เป็นประเทศที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง The Ugly American มี มาร์ลอน แบรนโด ดาราชื่อดังในขณะนั้นแสดงนำ มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รับบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเอเชียอาคเนย์นี่เอง มีอาณาเขตติดต่อกับ พม่า ไทย จีน เวียดนาม ภาพยนตร์นี้ออกฉายประมาณปี ค.ศ.1963 หรือ พ.ศ.2506 ผู้มีอายุต่ำกว่า 5 รอบ คงไม่มีใครรู้จักภาพยนตร์นี้
ตอนนี้ลองวาดภาพว่าประเทศนี้ยังมีอยู่ก็แล้วกัน
ประเทศสารขัณฑ์ มีอะไรคล้ายคลึงกับประเทศไทย มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระเจ้ามหาชีวิตเป็นองค์ประมุข และก็เป็นประชาธิปไตยแบบ Parliamentarian Democracy คือ มีพรรคการเมือง มีการเลือกตั้ง สส., สว. พอเลือกตั้งเสร็จ แทนที่จะทำหน้าที่นิติบัญญัติ ก็แย่งกันมาใช้อำนาจบริหาร ทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง
พอมีพรรคการเมือง มีเขตเลือกตั้ง ก็จำต้องมีการจัดตั้งเพื่อหาคะแนนเสียง และก็ต้องใช้วิชามารเข้ามาช่วย มีการซื้อเสียงด้วยเงินสด ด้วยสิ่งของ ด้วยคำมั่นสัญญา ด้วยผลประโยชน์ ตลอดจนการข่มขู่ ด้วยเจ้าพ่อ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ยอมอยู่ภายใต้นักการเมือง เพื่ออนาคตของตนเอง ดังนั้น เจ้าแขวง เจ้าเมือง เจ้าตำบล นายบ้าน ต่างก็อยู่ในขบวนการจัดตั้ง
การคอร์รัปชั่นจึงเป็นสิ่งจำเป็นของประเทศสารขัณฑ์ เมื่อได้รับเลือกตั้งกันมาแล้ว ก็ต้องมีการซื้อ สส., สว. มีการดูดกันไปมา ส่วนใหญ่ก็ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการดูด ถ้าไม่คอร์รัปชั่นแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาหาเสียงตอนเลือกตั้ง และเอามาดูดพรรคเล็ก พรรคน้อย และ สส.อิสระ เพื่อสนับสนุนพรรคใหญ่ให้เป็นรัฐบาล แล้วก็แจกตำแหน่งหน้าที่กันไป แล้วก็โกงกินกันไป บ้านเมืองก็ยากจนลงทุกที การก่อสร้างถนนตามหมู่บ้าน ราดยางไว้ปีเดียวก็พัง การสร้างเขื่อนและอ่างเก็นน้ำ เมื่อฝนตกมากๆ ก็มีการพังเป็นเขื่อนๆ ไป เพราะผู้คุมงานไปจนถึงหัวหน้าโครงการ ไปจนถึงผู้บริหารกรม หรือกระทรวง ก็ใช้วิธีตัวเล็กกินคำเล็ก ตัวกลางกินคำปานกลาง ตัวใหญ่ก็กินคำโต
ประชาชนของสารขัณฑ์ก็พอๆ กัน ถ้าหมู่บ้านตน หรือจังหวัดตน ได้ประโยชน์บ้าง ก็สนับสนุนคนโกงเสียอีก นอกจากนั้น คนสารขัณฑ์จำนวนไม่น้อยเป็นคนช่างริษยา ขัดแข้งขัดขา (เก้าอี้) ใส่ร้ายป้ายสี ไม่มีใครอยากเห็นคนดีเกินตัว เว้นแต่ตัวจะได้เอี่ยวผลประโยชน์ด้วย ดังนั้นการซื้อเสียงหรือการดูดเสียงต่างๆ จากนักธุรกิจการเมือง จึงทำได้ง่าย เพื่อทำให้นักธุรกิจการเมืองเหล่านี้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งบริหารบ้านเมืองได้
พอนักการเมืองโกงกันมากขึ้น จนถึงขั้นทะเลาะวิวาทแย่งผลประโยชน์กัน และมีประชาชนถือหางกันคนละฝ่าย ทำให้ใกล้สงครามกลางเมืองขึ้น ฝ่ายความมั่นคงก็ออกมาทำการล้มกระดานเสียที ครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง พันเอกกองเลย ผู้คุมทหารอยู่บริเวณเมืองหลวงของประเทศสารขัณฑ์ ก็ออกมาล้างกระดาน ใช้กฎอัยการศึก แต่งตั้งคณะผู้บริหารประเทศเอง (รัฐมนตรี) แต่งตั้งสภาแห่งชาติเพื่อร่างกฎหมายเอง โดยไม่ต้องเลือกตั้ง ต่อมาเสียงเรียกร้องจากชาวสารขัณฑ์ก็ค่อยๆ ดังขึ้นเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเสียที เพราะเบื่อรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งนานาประเทศก็ไม่อยากจะยอมรับนัก
พันเอกกองเลยเอง ก็เห็นใจและเข้าใจ ว่าชาวสารขัณฑ์ไม่ชอบการปกครองที่มาจากการปฏิวัติ แต่ถ้าไปจัดให้มีการเลือกตั้งแบบเดิมอีก การเมืองน้ำเน่าก็จะต้องเข้ามาอีก เป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีที่สิ้นสุด บ้านเมืองก็ไม่เจริญก้าวหน้าเท่าอารยประเทศ ประชาชนก็ยากจนมากมาย อาศัยอยู่ตามชุมชนริมทางรถไฟบ้าง ริมคลองใต้ทางด่วนบ้าง รุกล้ำคลองชลประทานจนน้ำท่วมบ้าง
ตกลงพันเอกกองเลย ก็กำลังอยู่ในทางสองแพร่ง ถ้าจะใช้อำนาจปฏิวัติบริหารบ้านเมืองต่อไป ก็ขัดกับกระแสโลก และความต้องการของชาวสารขัณฑ์รุ่นใหม่ ถ้าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง และปล่อยให้ สส., สว. มาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง คอร์รัปชั่นก็จะรุ่งเรืองเหมือนที่เป็นมาหลายสิบปี ประชาชนจนๆ ก็จะยังกระจายกันอยู่ในชุมชนแออัด ส่วนคนรวยก็จะมีเพียงไม่กี่กระจุก ขี่รถโรลส์-รอยซ์ เบนท์ลี่ย์ มาเซราติ และเมอร์ซิเดส เบนซ์ รุ่นต่างๆ อยู่ในกรุงไฮโธ ของสารขัณฑ์ ที่น้ำมักจะท่วมอยู่บ่อยๆ
ก็ตามแบบของคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อมีปัญหาก็ต้องไปหาหมอดู หรือ หลวงพ่อ พันเอกกองเลย เป็นทหารหัวสมัยหน่อย ก็เลยไปหาหลวงปู่ที่วัดพู อยู่ริมแม่น้ำโขง หลวงปู่นาคราชก็แนะนำว่า ให้พันเอกกองเลยไปปฏิบัติไตรสิกขา เสีย 3-4 วัน แล้วก็จะหาทางออกได้ พันเอกกองเลย ซึ่งรู้จัก ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ “ไตรสิกขา” ดี เพราะถือศีล 5 อยู่แล้ว ก็เลยไปเพิ่มการทำสมาธิขึ้น เพื่อจะได้เกิด “ปัญญา” หาทางแก้ปัญหาทางตันได้
คืนที่ 3 ขณะที่ออกจากสมาธิ พันเอกกองเลยก็มีจิตใจอันสว่างไสวไปด้วยปัญญา พบคำถามว่า ทำไมตอนนี้ชาวสารขัณฑ์วุ่นวายกันทั้งเมือง แย่งกันตั้งพรรค แย่งกันดูดคนเข้าพรรค แย่งกันกระทุ้งรัฐบาลให้ปล่อยการควบคุมการหาเสียง, เพิ่มการใส่ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน จนชาวสารขัณฑ์ไม่เป็นอันหลับนอน เพราะเห็นว่าความวุ่นวาย และการต่อสู้ทุกรูปแบบเพื่อชัยชนะของตน เริ่มขึ้นอีกแล้ว
เมื่อมีปัญญาจากสมาธิ ก็ได้คำตอบว่า ก็เพราะนักธุรกิจการเมืองทั้งหลายกำลังตื่นการเลือกตั้ง เพราะต้องการแย่งกันเข้าสู่อำนาจบริหาร มิใช่เตรียมเป็น สส. เพื่อมาใช้อำนาจนิติบัญญัติทำให้สารขัณฑ์เจริญ แต่แย่งกันเข้าสู่อำนาจบริหารแต่อย่างเดียว เพื่อการมีอำนาจปกครองบ้านเมืองอยู่ในมือ เพื่อความร่ำรวยจากโครงการต่างๆ เพื่ออำนาจเหนือข้าราชการประจำทุกประเภท
เมื่อปัญญา ได้ให้คำถาม ให้คำตอบ แก่พันเอกกองเลยได้ ก็ย่อมให้ ทางออก ในการแก้ปัญหาได้เช่นกัน
พันเอกกองเลย ก็คิดตกว่า ที่กำหนดวันเลือกตั้งไว้วันที่ 30 กุมภาพันธ์ ปีหน้า นั้น ก็ให้เป็นไปตามกำหนดเดิมนี่แหละ ให้พรรคการเมืองหาเสียงได้ ให้มาเป็น สส. ได้ ให้ใช้อำนาจนิติบัญญัติได้ แต่ไม่ให้เขาเหล่านี้มาใช้อำนาจบริหาร คือ มาดำรงตำแหน่งทางด้านบริหาร (นายก, รัฐมนตรี และตำแหน่งด้านบริหารอื่นๆ ไม่ได้)
จึงตกลงใช้มาตรา 88 แห่งอำนาจการปฏิวัติของสารขัณฑ์ แก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศสารขัณฑ์ ในหมวด 8 สองมาตราแรก โดยให้เหตุผลว่า “เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความสมานฉันท์ของชาติสารขัณฑ์ เพื่อป้องกันสงครามกลางเมืองอันเกิดจากแย่งชิงอำนาจของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อ “ความมั่นคงของชาติและราชบัลลังก์” และใช้ใจความดังต่อไปนี้แทน คือ
มาตรา 802 ให้นายกรัฐมนตรีมาจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยตรงและลับของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 804 (หรือองค์กรเลือกตั้งหัวหน้าฝ่ายบริหาร) โดยรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต้องผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งจากคณะกรรมการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามของการเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 805 โดยมีประสบการณ์ความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ปราศจากผลประโยชน์ที่ขัดกันในการดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี
มาตรา 803 ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีประกอบด้วย ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศสารขัณฑ์ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นกรรมการ ทำหน้าที่ตามมาตรา 2 ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แล้วแจ้งผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด
มาตรา 804 บุคคลที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1)มีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่จะใช้ในการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยมีประวัติการทำงานระดับหัวหน้าผู้บริหารหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชนมาก่อน
(2)ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม
(3)เคยรับราชการหรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่า
(4)เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้จัดการในบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมาไม่น้อยกว่าสามปี
(5)เคยดำรงตำแหน่งนักบริหารภาคประชากิจ เช่น จากสภาหอการค้า สมาคมวิชาชีพ สภาอุตสาหกรรม มูลนิธิที่ทำประโยชน์แก่สังคม องค์การอาสาสมัคร สมาคมทางศาสนา องค์กรที่ทำประโยชน์สาธารณะ ตามหลักเกณฑ์จะกำหนดมาไม่น้อยกว่าสามปี
มาตรา 805 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการแถลงนโยบายและวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยสองครั้งก่อนวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
พอพันเอกกองเลย แห่งราชอาณาจักรสารขัณฑ์ ประกาศข้อความเบื้องต้นเสร็จ บ้านเมืองก็กลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อย บรรดาชาวสารขัณฑ์ต่างก็รักกัน ไม่แบ่งเป็นสีเป็นพรรค และต่างก็นอนตาหลับกันโดยถ้วนหน้า รอการเลือกตั้ง สส. และการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี อย่างสงบสุข
ศิริภูมิ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี