วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทรัมป์กับอนุทิน ใครโกหก
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุดโทรศัพท์หาอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีรักษาการ เมื่อเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง (ตามเวลาไทย) โดยหารือกันถึงกรณีปัญหาการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในการเจรจาทางโทรศัพท์นั้น ฝ่ายไทยมี สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และทีมงานของรัฐบาลร่วมรับฟังการสนทนาด้วย
หลังการสนทนาจบ อนุทินให้ข้อมูลกับนักข่าวว่าใช้เวลาสนทนากันประมาณ 20 นาที และบอกว่าทรัมป์แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา และต้องการให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปสู่สันติภาพตามที่ระบุใน joint declaration ตามที่ ทรัมป์ ได้เข้ามารับหน้าที่ประธานการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2568 แต่อนุทินบอกว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตี และไทยเป็นผู้ที่ยึดมั่นในข้อตกลงร่วมมาอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด ทำให้ไทยสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทหารและประชาชน ไทยจึงจำเป็นต้องรักษาอธิปไตยไว้ และต้องตอบโต้กัมพูชาตามหลักความจำเป็นและตามสัดส่วน
อนุทินบอกด้วยว่าได้ย้ำกับทรัมป์ไปว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรุกราน แต่เราจำเป็นต้องป้องกันอธิปไตยของเราและบอกว่าจะไม่ยอมให้กัมพูชารุกรานไทย และไทยไม่ปล่อยให้กัมพูชารุกรานอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น จึงอยากให้สหรัฐฯ รับฟังข้อมูลจากฝ่ายไทยด้วย ทั้งนี้ อนุทิน บอกว่าเมื่อพูดกับ ทรัมป์ แล้ว ทรัมป์ก็เข้าใจ และบอกว่าหากมีปัญหาใดๆ ขอให้ไทย โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโทรศัพท์หารือกับ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ได้ตลอดเวลา และบอกอีกว่า ทรัมป์ บอกตนเองว่าหากมีปัญหาใด ก็สามารถโทรศัพท์หาได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่ อนุทิน น่าจะพูดแบบติดตลกว่า แต่ทรัมป์ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ แต่สาระสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ไทยสามารถดูแล และควบคุมสถานการณ์ได้ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยก็ได้ติดต่อหารือกับทางการอเมริกันในหลายระดับอยู่โดยตลอด และ อนุทินบอกว่าได้ขอให้ ทรัมป์ บอกกับกัมพูชาให้หยุดยิง และเก็บกู้กับระเบิดออกไปให้หมดด้วย
แต่เมื่อไปดูคำพูดจากฝ่ายทรัมป์ในประเด็นเดียวกันนี้ ปรากฏว่ามันกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะทรัมป์เขียนใน truth ซึ่งเป็น social media ที่ทรัมป์ทำขึ้นมา เมื่ออ่านแล้วพบว่าสิ่งที่ทรัมป์เขียน กับสิ่งที่อนุทินพูด มันคือคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิงถามว่าสองคนนี้ ใครพูดจริง หรือใครโกหก หรือโกหกทั้งคู่
มันเป็นเรื่องน่าตลกมากที่ทรัมป์บอกว่าไทยและกัมพูชาบอกว่าตกลงหยุดยิง และยุติการสู้รบ หลังจากทรัมป์โทรศัพท์คุยกับอนุทิน และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สิ่งที่ต้องตั้งคำถามคือ ทำไมทรัมป์เขียนว่าไทยกับกัมพูชาจะหยุดยิงทันทีในเช้าวันเสาร์ (ตามเวลาไทย) แล้วจะกลับไปทำตามข้อตกลงสันติภาพที่ทรัมป์เสนอตัวเป็นประธานการลงนามในข้อตกลงร่วม และอ้างว่าไทยและกัมพูชาพร้อมจะหวนคืนสันติภาพ และจะทำการค้าขายกับสหรัฐฯ ต่อไป
มีคำถามถามย้ำว่าระหว่าง ทรัมป์ กับ อนุทิน ใครพูดจริง หรือใครโกหก ถามว่าทำไมสองคนจึงพูดไม่ตรงกัน หากเป็นเช่นนี้แล้วจะเชื่อใครได้ แน่นอนว่าคนที่มีสติปัญญาไม่เคยเชื่อคำพูดทุกคำของ ทรัมป์ ส่วนจะเชื่อคำพูดของ อนุทิน หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของคนฟังเช่นกัน
ถ้าหากสหรัฐฯ ยังมีประธานาธิบดีที่มีพฤติกรรมเช่น ทรัมป์ โลกของเราคงหาความสงบแท้จริงได้ยาก เพราะทรัมป์คงจะต้องสร้างความปั่นป่วนให้โลกไปตราบเท่าที่เขายังเป็นประธานาธิบดี ส่วนประเทศไทยจะปั่นป่วนมากน้อยแค่ไหนเพราะถูก ทรัมป์ แทรกแซง เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถ ของรัฐบาลไทยที่จะหาทางป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากพิษภัยของทรัมป์

'เมย์'ล่าแชมป์! ฮีโร่อลป.พร้อมลุย-เช็คโปรแกรมซีเกมส์วันอาทิตย์
สดุดีวีรบุรุษจากชายแดนใต้! พ่อเปิดใจทั้งน้ำตา ภูมิใจ พลฯมุสตากีม ทำหน้าที่สมศักดิ์ศรี พลีชีพช่องอานม้า
ลิฟท์ สุพจน์ ไม่อยากให้คนชมลูกเยอะ กลัวเหลิง เสียใจคนใกล้ตัวโกงเงิน 3 แสน
ป้องกันแชมป์! 'เงือกเนย'เพิ่มอีกทองเดี่ยวผสม400ม.
ปรากฎการณ์! 'บิว'กวาดสถิติหลังคว้าทอง200เมตร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี