บ้านเมืองมีขื่อมีแปย่อมมีกฎหมายคุ้มครอง ถึงเป็น ผู้มีอิทธิพล ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แม้การช่วยเหลือชาวบ้านจนเป็นที่รักใคร่ หากกระทำผิดมิอาจรอดพ้นน้ำมือตำรวจ ส่งสัญญาณไปถึงกลุ่ม มือปืนรับจ้าง และอาชญากรที่ใช้อาวุธรุนแรง เพราะเป็นที่จับตาของ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) โดยเฉพาะพื้นที่ภูธรภาค 7 และภาค 8 นิสัยใจคอ ศักดิ์ศรีค้ำคอก้มหัวไม่เป็น เลยกลายเป็นชนวนการก่อเหตุ
โดยกองกำกับการ 5 รับผิดชอบพื้นที่ภายใต้ยุค พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. หรือ ผกก.เอ็ม ทำให้เลขห้าติดอยู่ข้างแขนเป็นที่ ประจักษ์ ของผู้บังคับบัญชา ลูกน้องและประชาชน จากการนำทัพคลี่คลายคดีสำคัญมอบความ ยุติธรรม ให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง เอาจริงและไม่กลัวใครชื่อของ ผกก.เอ็ม จึงเป็นที่ ขยาด สำหรับผู้คิดจะอยู่เหนือกฎหมาย
พ.ต.อ.ภูมินทร์ นรต.รุ่น 52 กล่าวว่า เป็น ผกก.5 บก.ป.รู้สึกภูมิใจมีอำนาจหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ทำงานในพื้นที่อันตรายมีอาชญากรรมรุนแรง และเกิดขึ้นมากที่สุดในประเทศ ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องของความคิดขัดแย้งการปกครอง โดย จ.นครศรีธรรมราช เป็นอันดับ 1 รองลงมา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ยังเป็นจังหวัดมีอาวุธปืนครอบครองสูงอันดับ 1 เช่นกัน
“ที่เราดูคือคดีฆ่ากันแต่จะเน้นเรื่องผู้มีอิทธิพล กลุ่มมือปืนรับจ้าง และอาชญากรที่ใช้อาวุธรุนแรง ถ้าทะเลาะเบาะแว้งสาเหตุโกรธแค้น เป็นลักษณะคนในพื้นที่มีศักดิ์ศรีสูง ตายกันดีกว่าถ้าจะมาลบเหลี่ยมกัน”
ตรงกับคุณลักษณะของ บก.ป. คือการปราบปรามจะด้วยกลวิธี ปิดล้อมตรวจค้น จับกุม สืบสวนติดตามหาเครือข่าย ยึดทรัพย์ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยอื่นทั้งใน บช.ก.รวมถึงหน่วยข้างเคียงอย่าง ปปง.แม้ไม่มีวันหมดไปใครมีอำนาจ เงิน หรือสิ่งที่มาจากการกระทำผิดย่อมเป็นปัญหาคู่บ้านเมืองมาตลอด ตำรวจกองปราบปรามต้องทำหน้าที่ต่อไป ไม่ให้คนพวกนี้โงหัวขึ้นมากระทำความผิด
การปิดล้อมตรวจค้นบางทีอาจดูสูญเสียกำลัง สูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆ หรือเหมือนแหกตาประชาชน แต่เรื่องจริงเราสืบหาเครือข่ายผู้มีอิทธิพล สมมุติเขามีปืนอยู่ในความครอบครองคนละ 10 กระบอก เมื่อมีเหตุยิงกัน เราจะรู้เลยว่ามีคู่กรณีเกิดขึ้น ซ้ายกับขวาลักษณะแบบนี้ไม่มีใครถูก 100 เปอร์เซ็นต์ ผู้เสียหายอีกสักพักก็กลายเป็นผู้ต้องหา เพราะจะกลับไปแก้แค้นฉะนั้นไม่มีใครดีกว่ากัน
“ทุกครั้งตรวจค้นอาวุธปืนแบบถูกกฎหมาย หรืออาวุธสงครามที่ผิดกฎหมาย เราจะทำการเก็บปลอกกระสุนทุกกระบอก ถามว่าเขากล้าใช้ปืนกระบอกนั้นก่อเหตุอีกไหม พอยิงเสร็จรู้เลยว่าของใคร นั้นคือการป้องปราม แต่ช่วงนี้เราอาจจะมีภารกิจอื่นๆ เข้ามามากมาย และช่วงนี้พวกเขาเริ่มสะเดิดขึ้นมาอีกแล้ว ตำรวจเหมือนน้ำถ้าแทรกซึมเข้าชุมชนต่างๆ เจอหน้าตำรวจทุกวันใครจะกล้าก่อเหตุ”
นามขาน ปก.5 วัย 43 ปี กล่าวในฐานะ ผกก.5 บก.ป.ว่า ผู้นำเสมือนกับ หางเสือเรือ คือหัวใจการจะนำพาหน่วยไปทิศทางไหน แต่ต้องฟังนโยบายจากข้างบนด้วย สำหรับตนให้ความสำคัญเรื่องระเบียบวินัย แนวความคิด ขีดความสามารถ การพัฒนาหน่วยด้านบุคลากรและองค์ความรู้ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ ผู้นำไม่ใช่ Boss คือเอาแต่สั่ง แต่ผู้นำคือ Leader ร่วมทำกับลูกน้อง รู้ปัญหาทุกอย่างและรู้จักวิธีแก้ไข
สิ่งสำคัญการทำงานคำว่า นักสืบ ต้องยึดหลักพยานหลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ มุ่งมั่น อึด อดทน และมีความนิ่งไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เข้ามากระทบ ตนเคยอยู่นครบาลเห็นสภาพการสืบอีกแบบ แต่พออยู่ บก.ป.เจอท่าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ อดีต ผบช.ก. เริ่มเกิดแนวความคิดการสืบสวนแบบสากล สามารถใช้วิธีที่ถูกต้องจับผู้กระทำความผิดได้ โดยไม่เคยหลุดจาก Miad map ที่เขียนไว้
“คดีจับมือปืนยิงนายอนันต์ คลังจันทร์ อายุ 54 ปี อดีต สจ.นครศรีธรรมราช และอดีตรองนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เราสามารถทำจนพิสูจน์ได้ว่า คนยิง
ไม่ใช่คนที่ตำรวจท้องที่ออกหมายจับ เพราะมีภาพจากกล้อง CCTV สุดท้ายเราสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ อย่างนี้คือการทำงานระดับ Professional เฉกเช่นกับ FBI พล.ต.ท.ฐิติราช ถือเป็นอาจารย์สืบสวนที่ถูกต้อง”
พูดถึงแรบันดาลใจให้ตนและทีมงาน ทำงานต่อไปก็คือวันที่ทำงานสำเร็จ แล้วประชาชนมาขอบคุณเราจากใจ รู้สึกดีกับการทำงานของตำรวจ มันเหมือนกับมาเติมน้ำมันให้เราพร้อมลุย บางคนซื้อไข่เค็ม หรือของแถวบ้านมาฝาก รู้สึกดีใจเพราะกำลังใจคือประชาชน และกำชับตำรวจ กก.5 ไม่ว่าชนชั้นไหน ต้องบริการเท่าเทียมกันแล้วพูดจาดี แต่สำหรับอาชญากรพร้อมเลย ตาต่อตาฟันต่อฟันเลย
“เมื่อใครพูดถึงข้าราชการตำรวจ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ภาพที่คิดถึง คือ ตำรวจมืออาชีพ เก่งในทุกด้านของหน้าที่ มีคุณภาพสูง วินัยเยี่ยม แต่งกายดี อ่อนน้อม สุภาพ ปกป้องดูแลประชาชนด้วยใจ ประชาชนรักและศรัทธา อาชญากรขยาด” พ.ต.อ.ภูมินทร์ ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงนโยบาย
ธีรภัทร์ พนาลี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี