เกิดเรื่องใหญ่ที่ธรรมกาย
เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาล คสช. ไม่ควรปล่อยให้ระดับพื้นที่หรือหน่วยงานจัดการกันเอง
ต่อเนื่องจากที่ดีเอสไอได้สอบสวน พบว่า มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และพระธัมมชโย ได้รับเงินจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น อดีตไวยาวัจกร วัดพระธรรมกาย ผ่านเช็ค 27 ฉบับ รวมวงเงิน 1,458 ล้านบาท และนำเงินไปใช้ก่อสร้างโครงการ 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ด้วย กระทั่งปปง.มีคำสั่งอายัดที่ดิน 91 แปลง ที่ตั้งอาคารลูกโลกดังกล่าวแล้ว และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินและสมคบฟอกเงินต่อมา
1. เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2561 นางวรรณา จิรกิติ (น้องสาวของเจ้าสัวธรรมกาย) เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะอดีตประธานมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน กรณีเกี่ยวข้องกับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
เจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
ในวันเดียวกัน น.ส.อารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ ในฐานะอดีตเลขานุการมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ผู้ถูกออกหมายเรียกอีกราย ไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามนัด โดยปรากฏว่า น.ส.อารีพันธุ์ เสียชีวิตอย่างกะทันหันในช่วงเช้าวันเดียวกัน
2. การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของน.ส.อารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ เป็นความสูญเสียของญาติธรรมชาวธรรมกาย เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ ลูกหาคุณยายอาจารย์รุ่นบุกเบิก ตั้งแต่วัดยังไม่ได้เป็นมหาอาณาจักร ไม่ได้เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตแบบในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ก็ทำให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ คดีฟอกเงิน ต้องทำงานหนักขึ้น
เพราะล่าสุด น.ส.อารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ คือ ประธานมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ
3. ก่อนที่ดีเอสไอจะแจ้งข้อหาฟอกเงินอดีตผู้บริหารมูลนิธิดังกล่าว
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ 2 เรื่องสำคัญ
เรื่องแรก แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ เปลี่ยนแปลงชื่อและเครื่องหมายของ “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์” เป็นชื่อว่า “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง”
พูดง่ายๆว่า ตัดคำว่า “ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์” ออกไป
ซึ่งพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เดิมก็คือพระธัมมชโยนั่นเอง
ระบุที่ตั้ง สํานักงานใหญ่ของมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ตั้งอยู่ที่ อาคาร 100 ปี คุณยาย เลขที่ 100 หมู่ที่ 7 ตําบลคลองสาม อําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
เรื่องที่สอง เปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ โดยให้นางสาวอารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ เป็นประธานกรรมการ
และตำแหน่งอื่นๆ ได้แก่ นางสาวพนิดา อ่วมสมพงษ์ รองประธานกรรมการ, นางสาวเสาวนีย์ สิริพงศ์บุญสิทธิ กรรมการและเหรัญญิก, นางสาวใจทิพย์ ภัทรวิเชียร กรรมการและเลขานุการ, นางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ กรรมการ, นายธีระภาพ เพชรมาลัยกุล กรรมการ
เดิมทีเดียว น.ส.อารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิ โดยมีนางวรรณา จิรกิติ ประธานกรรมการมูลนิธิ, นางพิศมัย แสงหิรัญ รองประธานกรรมการ, นางคำนวณ คงศุภลักษณ์ กรรมการ, นางสาวเมตตา สุวชิตวงศ์ กรรมการ, นางสาวอุบลทิพย์ สุพรรณานนท์ กรรมการ, นางสาวเสาวนีย์ สิริพงศ์บุญสิทธิ กรรมการและเหรัญญิก
4. คุณอารีพันธุ์ เคยเป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิ มาต่อเนื่องยาวนาน ครอบคลุมช่วงเวลาที่เกิดเรื่องว่าเงินที่นายศุภชัย อดีตไวยาวัจกรวัด ไปโกงมาจากสหกรณ์คลองจั่น ผ่องถ่ายเข้ามาที่หลวงพ่อ วัด และมูลนิธิ เพราะฉะนั้น ย่อมเป็นบุคคลที่ล่วงรู้ข้อมูลเชิงลึกอย่างสำคัญ
เงินเข้า-ออก เท่าไหร่ อย่างไร?
จ่ายที่ใคร เท่าไหร่ เมื่อใด อย่างไร รูปแบบใด?
เมื่อเดือนกันยายน ปีนี้ เพิ่งขยับขึ้นมาเป็นถึงประธานมูลนิธิ
5. มหาอาณาจักรธรรมกาย ไม่เหมือนวัดในพระพุทธศาสนา เถรวาท ทั่วไป
โดยเฉพาะในด้านการบริหารจัดการทรัพย์สิน ผลประโยชน์ เงินๆ ทองๆ
“วัด” เป็นเพียงหน่วยหนึ่งในมหาอาณาจักร ถือครองทรัพย์สินไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ
วัดพระธรรมกายมีที่ดินธรณีสงฆ์แค่ 196 ไร่ ที่ตั้งพระอุโบสถ วิหารคุณยาย (ที่คล้ายๆ พีระมิด)
แต่ทรัพย์สินอื่นๆ ถูกผ่องถ่ายต่อไปให้นิติบุคคลอื่นครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิ หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งหลายกรณีถูกสอบสวนดำเนินคดีฐานไปทำผิดกฎหมาย เช่น ทำที่พักบุกรุกป่า บุกรุกที่หลวง ทำอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งเล่นหุ้น
แน่นอนว่าทางวัดพระธรรมกาย ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายทุกประการ ซึ่งจะต้องรอให้ทางการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ คือ มูลนิธิหัวเรือใหญ่ในการจัดสรรจัดการเงินก้อนมหึมาของมหาอาณาจักรธรรมกาย ดำเนินโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนมาก จ่ายเงินในรูปค่าก่อสร้างออกไปสู่ทุนรับเหมาก่อสร้างมหาศาล
โครงการใหญ่สุด ก็คือ อาคาร 100 ปีคุณยายฯ (อาคารลูกโลก) มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
โครงการอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งที่ส่วนกลางและต่างจังหวัด มูลค่ารวมหลายหมื่นล้านบาท
ประธานมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ในขณะนั้น ได้แก่ นางวรรณา จิรกิติ
เลขานุการมูลนิธิขณะนั้น คือ นางสาวอารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์
พอถูกดีเอสไอสอบสวนเรื่องฟอกเงิน ค่อยปรากฏว่า มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารมูลนิธิยกใหญ่
6. อาคารโครงการ 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ ตั้งอยู่ในมหาอาณาจักรธรรมกาย
มีรูปลักษณ์คล้ายๆ ลูกโลก
ออกแบบไว้ 15 ชั้น ภายในตกแต่งหรูหรา มีห้องประชุม ห้องปฏิบัติธรรม ห้องรับรอง พิพิธภัณฑ์ ระบบเครื่องปรับอากาศ-ฟอกอากาศ ลิฟท์ บันไดเลื่อน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พื้นที่ใช้สอยไม่ต่างกับศูนย์จัดงานประชุมระดับนานาชาติ
ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินที่อยู่ในชื่อมูลนิธิธรรมกาย และมูลนิธิธรรมประสิทธิ์
มิใช่ที่ธรณีสงฆ์
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.ออกคำสั่งอายัดที่ดินอาคารลูกโลกนี้ไว้ ระบุว่า
“...เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากการสืบสวนว่า กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในวัดพระธรรมกาย มูลนิธิพระธรรมกาย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง มีพฤติการณ์ในการพยายามเร่งรัดดำเนินการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินต่างๆ รวมถึงที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารตามโครงการ 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และทรัพย์สินอื่น อันปรากฏชัดเจนจากการสืบสวนว่า เงินที่มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง นำไปใช้ในการก่อสร้างอาคารตามโครงการ 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จึงถือว่ามีกรณีที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน กรณีจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า อาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินใดที่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงขอให้คณะกรรมการธุรกรรม พิจารณามีมติอายัดทรัพย์สิน คือ อาคารตามโครงการ 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งตั้งอยู่บนโฉนดที่ดิน จำนวน 91 แปลงดังกล่าว”
กรณีนี้ ทางมูลนิธิ ยังมีสิทธิตามกฎหมายที่จะร้องคัดค้าน ขอให้เพิกถอนการอายัด โดยนำแสดงหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต่อไป
7. อย่าลืมว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เงินอันเกี่ยวข้องหรือได้มาจากความผิดมูลฐาน ตกเป็นของแผ่นดิน สืบเนื่องจากคดีเงินที่นายศุภชัยโกงสหกรณ์คลองจั่น แล้วผ่องถ่ายเงินออกมา เป็นกรณีเงินในบัญชีเงินฝาก 4 บัญชี ชื่อบัญชีวัดพระธรรมกายและชื่อบัญชีมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ มูลค่ารวม 58 ล้านบาท
คดีนั้น ทางวัดพระธรรมกาย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ คัดค้านในฐานะผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์สินว่า ไม่เคยทราบหรือเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ กับกิจการของสหกรณ์คลองจั่น และนายศุภชัย
อ้างว่า ทั้งวัดพระธรรมกายและมูลนิธิ ได้นำเงินบริจาคไปใช้ในการกุศลสาธารณประโยชน์และสร้างสิ่งปลูกสร้างหมดแล้ว ส่วนเงินที่เหลือในบัญชีล้วนเป็นของผู้บริจาคอื่น มีประชาชนเคารพศรัทธา จึงบริจาคทรัพย์สิน เงินในบัญชีจึงเป็นเงินบริจาคที่ได้รับมาโดยสุจริต ขอให้ยกคำร้อง
ปรากฏว่า ศาลแพ่งพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าในทางไต่สวนได้ข้อเท็จจริงว่า นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ จำนวน 27 ฉบับ เป็นเงินรวม 1,458,560,000 บาท เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน มีลักษณะเป็นปกติธุระ เชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยักยอกเกิดขึ้นอันเป็นความผิดมูลฐาน และเมื่อมีความผิดมูลฐานเกิดขึ้น พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด มูลฐานตกเป็นของแผ่นดิน
คดีนั้น ศาลแพ่งชี้ว่า วัดและมูลนิธิ กระทำการอันมีลักษณะเป็นการหลีกเลี่ยงการรายงานการทำธุรกรรมเป็นระยะเวลา หลายปีหลายครั้ง ส่อแสดงให้เห็นว่ากระทำเพื่อปกปิดลักษณะที่แท้จริงของแหล่งที่มาของเงิน เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเกิดขึ้น
ศาลแพ่งยังชี้อีกด้วยว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้แต่งตั้งนายศุภชัยเป็นไวยาวัจกรของวัด เชื่อได้ว่าวัดพระธรรมกายเกี่ยวข้องกับนายศุภชัย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัย โดยผ่านทางพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) พฤติการณ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลอุปถัมภ์ค้ำจุนกันเช่นว่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างกันที่มีมากกว่าเพียงการศรัทธาของบุคคลทั่วไป
ประเด็นที่อ้างว่า เงินจากนายศุภชัยเอาไปสร้างสิ่งก่อสร้างหมดแล้วนั้น ศาลแพ่งวินิจฉัยอย่างแหลมคมด้วย โดยศาลแพ่งชี้ว่า เงินในบัญชีดังกล่าวมีทั้งเงินที่ถูกยักยอก เงินที่ใช้ในการฟอกเงิน และเงินบริจาคจากผู้อื่นปะปนระคนกัน วัดและมูลนิธิ จะอ้างเช่นนั้นไม่ได้ เพราะการใช้เงินดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากความไม่สุจริตตั้งแต่ต้น การก่อสร้างศาสนสถานและสถานปฏิบัติธรรมที่ใหญ่โตทั้งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เป็นเหตุให้ต้องมีกิจกรรมระดมเงินให้ได้จำนวนมาก เป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ที่ต้องการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมด้วยการมิให้สามารถนำเงินและทรัพย์สิน ดังกล่าวมาใช้สนับสนุนการกระทำผิดอื่นได้อีก กรณีจึงต้องถือว่าเงินที่ยังคงเหลืออยู่ในบัญชีเงินฝากทั้ง 4 บัญชี เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ในที่สุด ในคดีนั้น ศาลแพ่งพิพากษาให้คืนเงินในบัญชีเงินฝาก ทั้ง 4 บัญชีข้างต้น จำนวน 58 ล้านบาท แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
8. ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องฟอกเงินอีกหลายคดี อาทิ
กรณีคดีพิเศษที่ 70/2558 เกี่ยวกับที่ดินอาคารบุญรักษา ก่อสร้างโดยมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ
กรณีเอ็มโฮมเอสพีวี 2 ที่ดินใกล้ๆ วัดพระธรรมกาย ต่อมา แตกแปลงขายให้ขาใหญ่ธรรมกาย เช่น นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลโครงการก่อสร้างของมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ เป็นต้น
แถมก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ก็เคยตามกำกับการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ กับมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ถึงขนาดศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับ เฉพาะในคดีของมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ รวม 127 หมายจับ
ปัจจุบัน คดีเหล่านี้ไปถึงไหนแล้ว?
น่าสงสัยว่า มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ซึ่งถูกตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องฟอกเงินเช่นนี้ ได้ดำเนินการตามเจตนารมณ์การจดทะเบียนมูลนิธิ หรือไม่? ฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่? กระทรวงมหาดไทยจะต้องพิจารณาดำเนินการอย่างไร? กรมสรรพากรจะต้องดำเนินการอย่างไร?
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี